วันที่ 27 เมษายน 2566 ตำรวจ กก.6 บก.ปทส. นำกำลังเข้าจับกุม นายนภดลฯ อายุ 27 ปีพร้อมด้วยแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์จำนวน 25 คน บริเวณ ถนนสายเอเชียพัทลุง – หาดใหญ่ ฝั่งขาล่อง ม.9 ต.โคกทราย อ.ป่าบอน จว.พัทลุง พร้อมด้วยของกลาง รถกระบะบรรทุก (รถรั้ว) สีเทา จำนวน 1 คัน, โทรศัพท์มือถือ สีดำ จำนวน 1 เครื่อง
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากบก.ปทส. ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องในพื้นที่อ.ป่าบอน จว.พัทลุง ต่อมาได้รับแจ้งจากสายลับ (ขอปิดนาม) ว่ามีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมามากับรถยนต์บรรทุกสินค้า(รถรั้ว)จากพื้นที่ภาคกลาง เพื่อไปส่งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงได้รายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนวางแผนเข้าทำการจับกุม
ต่อมาขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถตรวจมาตามถนนสายเอเชีย ฝั่งขาล่อง ม.9 ต.โคกทราย
อ.ป่าบอน จว.พัทลุง สังเกตเห็นรถกระบะบรรทุก (รถรั้ว) สีเทา ต้องสงสัย จึงขับรถติดตามพร้อมสั่งให้หยุดและเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอทำการตรวจสอบ พบคนขับรถชื่อนายนภดลฯ อายุ 27 ปี จากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะบรรทุกปิดคลุมด้วยเชือกตาข่าย แล้วปิดด้วยผ้าพลาสติกสีดำด้านบน ด้านท้าย ส่วนด้านข้างปิดด้วยผ้าพลาสติกสีฟ้า-ขาว เมื่อเปิดผ้าใบออกด้านบนเป็นกระสอบปุ๋ยบรรจุเปลือกมะพร้าวสับและภายในรถกระบะพบกลุ่มคนผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ยืนยัดเยียดกันจำนวนมาก
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวน 25 คน ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ไม่พบเอกสารหนังสือเดินทางใดๆ จึงได้นำตัวนายนภดลฯ พร้อมรถกระบะบรรทุกมาที่ สภ.ป่าบอน ได้สอบถามนายนภดลฯ ให้การว่าตนขับรถคันดังกล่าวซึ่งเป็นของตนเอง โดยมีอาชีพขับส่งสินค้าจำพวกผักมาจากภาคเหนือมาส่งตามตลาดต่างๆ ในภาคใต้ และรับสินค้ากลับไปเป็นประจำประมาณ 3 ปี
สำหรับบุคคลต่างด้าวที่ตรวจพบตนเองได้ขับรถไปรับมาจากกรุงเทพฯ แถวประตูน้ำ โดยตนได้รับการว่าจ้างจากชายไม่ทราบชื่อบอกว่าให้ส่งคนงานไปภาคใต้ให้ค่าจ้างเหมาจ่าย ในราคา 20,000 บาท โดยไม่บอกว่าเป็นต่างด้าว เมื่อเอาคนมาขึ้นรถถึงทราบว่าเป็นต่างด้าว ประกอบกับตนกำลังหาเงินผ่อนรถ จึงตัดสินใจรับงาน โดยจะได้รับค่าจ้างเมื่อส่งคนถึงที่หมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าบอน จ.พัทลุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
©2018 CK News. All rights reserved.