เมื่อวานนี้ (1มี.ค.2566) เวลาประมาณ 15.30 น. ร.ต.อ.ปซาธัช สายบุตร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บัวเชดขณะปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนเวร อาญา-จราจร ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.บัวเชดว่ามีเหตุพระภิกษุรูปหนึ่งใช้เชือกไนล่อนผูกคอเสียชีวิตในห้องน้ำภายใน วัดโพธิญาณธรรมาราม อยู่ห่างจากบ้าน ประมาณ 3 กิโลเมตร หมู่ที่ 11 ตำบล จรัส อำเภอ บัวเชด จังหวัด สุรินทร์ จึงได้ประสานแพทย์หญิงพาขวัญ บุญประสพ แพทย์เวร โรงพยาบาลบัวเชด อาสากู้ภัยสุรินทร์ จุดอำเภอบัวเชด เดินทางออกไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ และชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้น ในที่เกิดเหตุพบศพพระภิกษุเสียชีวิต ใช้เชือกไนล่อน ผูกคอตนเองเสียชีวิตในห้องน้ำ ข้างๆกุฏิที่พักสงฆ์ ทราบชื่อในภายหลังคือ พระสนเพชร อำพนประดิษฐ์ อายุ 34 ปี ชาว สปป.ลาว
จาการสอบถามพระมนตรี ฐิติสัมปันโน รักษาการเจ้าอาวาสวัด วัดโพธิญาณธรรมาราม ทราบว่านางบุญแทน มารดาของผู้ตายได้พาผู้ตายมาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งนี้มาประมาณ 1 เดือน แล้ว และช่วงหลังผู้ตายมักจะพูดบ่นคิดถึงบ้าน โดยพระมนตรีฯแจ้งว่าพบเห็นผู้ตายครั้งสุดท้าย เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันนี้ หลังจากนั้นพระมนตรีฯ ได้เดินทางไปทำธุระที่นอกวัด ตนเองออกไปทำธุระนอกวัด เมื่อกลับมาเวลาประมาณ 15.00 น. ไม่เห็นพระผู้ตาย จึงเดินตามหา จึงพบว่าผู้ตายใช้เชือกไนล่อน ผูกคอกับขื่อห้องน้ำ แต่เชือกขาดเชือกรับน้ำหนักไม่ไหว ร่างลดลงพื้นติดประตูห้องน้ำ เสียชีวิต จึงได้เรียกญาติโยมอยู่ใกล้วัดนำบันได มาช่วยกันดูและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสากู้ภัย มาช่วยกันนำร่างพระที่เสียชีวิตออกจากห้องน้ำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้วทราบว่าพระภิกษุรูปทั้งกล่าวเป็นคนสัญชาติลาวมาบวชที่วัดในอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ มาก่อน โดยบวชเป็นสามเณรต่อมาจึงได้บวชเป็นพระ ได้มาเดินทางมาพักอาศัยอยู่ในวัดวัดโพธิญาณธรรมาราม ส่วนแม่ของพระผู้ตายได้ฝากพระลูกชายไว้กับเจ้าอาวาสวัด ซึ่งรู้จักกัน นับถือกันเป็นพี่น้องกัน ให้อบรมสั่งสอนธรรมะ ก่อนตายพระภิกษุรูปดังกล่าวได้โทรศัพท์ไปหาโยมแม่ที่ประเทศลาวว่า อยากจะกลับบ้านคิดถึงโยมแม่ และโยมลูก โยมเมียแต่โยมแม่บอกว่าให้อยู่ไปก่อนเดี๋ยวค่อยกลับ แม่ไม่เอะใจเลย ว่าลูกจะตัดสินใจโดยการผูกคอตาย เนื่องจากช่วงที่คุยโทรศัพท์กันดีๆโดยมีพระและญาติโยมนั่งฟังโทรศัพท์อยู่ด้วยกัน ทุกคนไม่เอะใจว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประสานกับ รักษาการเจ้าอาวาสวัด โทรศัพท์คุยกับโยมแม่ ของพระผู้ตาย โยมแม่ยืนยันว่าพระลูกชายอยากกลับบ้านแต่แม่ยังไม่ให้กลับให้รอสักระยะก่อนค่อยกลับโยมแม่ก็ไม่คิดว่าพระลูกชายจะมาใช้เชือกผู้คอจนตาย นอกจากนั้น โยมแม่ยังขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและรักษาการเจ้าอาวาสวัด ได้นำศพบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดตามประเพณี ส่วนโยมแม่จะเดินทางมาที่วัดเพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจต่อไป
ซึ่งจากากรตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือทำร้ายกันแต่อย่างใดได้ถ่ายภาพที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุไว้แล้ว จากนั้นได้ร่วมกับแพทย์จากโรงพยาบาลบัวเชดทำการชันสูตรพลิกศพผู้ตาย และได้สอบถามนางบุญแทนมารดาของผู้ตายแล้ว ไม่ติดใจในสาเหตุการตายแต่อย่างใด จึงได้มอบศพให้ญาติดำเนินการประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป จึงบันทึกไว้
©2018 CK News. All rights reserved.