วันนี้ ( 30 ม.ค.66 ) เวลา 15.00 น. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมแนวทางการพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง ณ โรงพยาบาลบึงนาราง ต.บึงนาราง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร ต้นแบบของการเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง โดยประชาชนทุกภาคส่วนในพื้นที่ร่วมมือกันพัฒนาต่อยอดความสำเร็จในการจัดการด้านสาธารณสุขขับเคลื่อนจนเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดพิจิตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจเยี่ยมครั้งนี้ด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวรู้สึกยินดีและดีใจที่ได้มาเยือนจังหวัดพิจิตรอีกครั้ง และได้มาพบปะกับประชาชนชาวบึงนาราง ต้นแบบชุมชนเข้มแข็งที่น่าภาคภูมิใจ พร้อมชื่นชมการมีส่วนร่วมของประชาชนชาวบึงนารางที่มีความสามัคคี ร่วมกันจับมือแก้ไขปัญหาหลาย ๆ อย่าง ให้สามารถผ่านพ้นไปได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ภาคเอกชน ภาคประชาชน และชุมชน ได้ร่วมกันอย่างเข้มแข็ง ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมในการเป็นต้นแบบชุมชนเข้มแข็งได้อย่างน่าภาคภูมิใจ และขอให้ทุกคนมีความรัก ความสามัคคีตลอดไป และสิ่งสำคัญคือ รอยยิ้มของคนไทย การเป็นเจ้าบ้านที่ดี ด้วยการแสดงออกถึงความเป็นไทย เมืองที่มีน้ำใจไมตรีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ขับสู้ด้วยรอยยิ้ม เพราะคนไทยมีต้นทุนที่ดีและแข็งแกร่งที่จะทำให้ประเทศพัฒนาเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ มาราชการเพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด โดยมีการจัดลำดับความเร่งด่วน ตามความเดือดร้อนของประชาชนแต่ละพื้นที่ ซึ่งการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล ได้กระจายให้กับทุกภาคอย่างใกล้เคียงกันและเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยหน่วยงานภาครัฐทุกระดับ ต้องมีการปรับแผนงาน โครงการ จากข้อมูลพื้นฐานของแต่ละกระทรวงให้สอดคล้องกับปัญหาของแต่ละพื้นที่ เพื่อนำงบประมาณไปใช้แก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุด และสมดุลกัน นอกจากนี้ยังติดตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเกษตรกรและพื้นที่ และยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งการกระจายพื้นที่เศรษฐกิจต่าง ๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ถนน การสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมถึงการสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุข อันเป็นการสร้างความเท่าเทียมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างสะดวกในทุกพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้สนับสนุนนโยบายด้านสาธารณสุขทุกมิติ การส่งเสริมการยกระดับการบริการ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคงในด้านสุขภาพและการรักษา เพราะเชื่อว่าความจำเป็นด้านสุขภาพก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าความจำเป็นด้านอื่น ๆ และเมื่อเสร็จภารกิจที่โรงพยาบาลบึงนารางแล้ว ก็จะเดินทางไปยังโรงพยาบาลบางมูลนาก ซึ่งก็เป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายอีกแห่งหนึ่ง ที่ต้องดูแลและรับส่งต่อผู้ป่วยจากอำเภอข้างเคียง 4 อำเภอ ซึ่งนายกรัฐมนตรีตั้งใจที่จะไปติดตามและขับเคลื่อนความจำเป็นเร่งด่วนด้านสาธารณสุขในพื้นที่อำเภอบางมูลนากด้วยเช่นกัน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ชุมชน และภาคีต่าง ๆ ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน ทุกคนคือพลังสำคัญในการทำให้จังหวัดพิจิตรแข็งแกร่ง น่าอยู่ และเป็นเมืองของพวกเราทุกคน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง และได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของดี อ. บึงนาราง เช่น ผ้าไหมมัดหมี่ ของกลุ่มสตรีทอผ้าบ้านใหม่สามัคคี กล้วย ส้มโอ ฯลฯ พร้อมเดินตรวจเยี่ยมภายในโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยนอก 100% และจุดเตรียมก่อสร้างพื้นที่หอผู้ป่วยใน ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมแนวทางการพัฒนาชุมชนคุณธรรม ณ โรงพยาบาลบางมูลนาก ต.หอไกร อ.บางมูลนาก ต่อไป
สำหรับโรงพยาบาลบึงนาราง เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็ก ขนาด 30 เตียง เริ่มเปิดให้บริการ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2556 โดยภาคประชาชนในพื้นที่อำเภอบึงนารางถือเป็นต้นแบบของชุมชนเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาต่อยอดความสำเร็จในการจัดการด้านสาธารณสุข โดยในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด – 19 อำเภอบึงนารางเป็นพื้นที่แรก ๆ ของจังหวัดพิจิตรที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง โดยที่โรงพยาบาลยังไม่มีตึกผู้ป่วยใน ภาคประชาชน ชุมชน และภาคเอกชนในพื้นที่อำเภอบึงนารางได้เข้ามามีส่วนร่วมในจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโควิด - 19 โดยให้การสนับสนุน ทั้งในด้านสรรพกำลังและการระดมทุน เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย อาทิ การจัดเต็นท์และอาหารสำหรับผู้ป่วย โดยสามารถให้การดูแลผู้ติดเชื้อโควิด – 19 จำนวนทั้งสิ้น 620 ราย ซึ่งมากที่สุดในจังหวัดพิจิตร นำไปสู่การจัดการสถานการณ์โควิด – 19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ภาคประชาชนและเอกชนในพื้นที่ได้ร่วมกันบริจาคกำลังทรัพย์เพื่อจัดซื้อที่ดินบริเวณหน้าโรงพยาบาล เพื่อให้โรงพยาบาลใช้ประโยชน์ในการพัฒนาต่อไป
©2018 CK News. All rights reserved.