วันนี้( 27 ม.ค.66) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องขอความเป็นธรรม จากนางอารียา อายุ 64 ปี ชาวบ้าน จ.สุรินทร์ ว่าลูกสาวของตนเองชื่อ น.ส.กัญ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปีได้ไปรู้จักกับเพื่อนในเฟซบุ๊ก ซึ่งทราบว่าบ้านอยู่ที่ จ.สุราษฏร์ธานี ทราบชื่อคือนายก้อง (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ชาวจ.สุราษฏร์ธานี และได้ติดต่อกันมาเมื่อปี 2564 หลังจากนั้น ก็นัดให้ไปพบกันและไปมาหากันอยู่เป็นประจำ ซึ่งในขณะนั้น ลูกสาวของตนเองกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 แต่ตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นเพื่อนกันตามประสาวัยรุ่น และไม่นานตนเองได้ทราบข่าวว่า ลูกสาวของตนเองตั้งท้องและฝ่ายชายก็หลบหนีกลับไปบ้านที่ จ.สุราษฎรธานี ตนเองไม่รู้จะทำอย่างไร จนกระทั่งล่าสุดลูกสาวของตนเอง ได้คลอดลูกออกมาเมื่อวันที่ 24ธ.ค.65 ได้ 1 เดือนแล้ว
หลังจากที่ลูกสาวตนเองคลอดมาได้ประมาณ 1 เดือน ตนเองและครอบครัว ก็ลำบาก สามีก็ไปรับจ้างตัดอ้อยที่ จ.ชลบุรี เพื่อหาเงินมาใช้หนี้บ้าน ที่ให้เขามาก่อสร้างให้ ซึ่งได้ส่งเดือนละ 5 พันบาท ลูกสาวก็ทำอะไรไม่เป็นและตนเองก็ไปหยิบกู้หนี้ยืมสินเขามาใช้ไปวันๆซึ่งบางวัน ตนเองก็ท้อไม่รู้จะไปหาพึ่งใคร จึงได้ตัดสินใจขอความเมตตาจากนักข่าวในพื้นที่ เพื่อที่จะใช้กระบอกเสียงไปถึงนายธีระศักดิ์ หรือ(ก้อง)สนธิรักษ์ที่อยู่ จ.สุราษฏร์ธานี ให้มารับผิดชอบกับการกระทำที่เกิดขึ้น ซึ่งตนเองและครอบครัวก็ลำบากมากพอสมควร แล้วต้องมาเลี้ยงหลานอีกคน ก็ลำบากมากขึ้นอีกทวีคูณ ตนเองไม่ขออะไรมากก็ ขอให้ออกมารับผิดชอบกับเรื่องที่ก่อขึ้น มาดูแลลูกสาวของตนเองและลูกน้อยก็พอใจแล้ว
ทางด้านน้องฝ้ายคุณแม่เลี้ยงเดียวยังบอกว่า รู้จักกับคนชื่อก้องทางฟสบุ๊กและได้เล่นเกมส์ หลังจากนั้นก็ได้ติดต่อกันมาตลอดจนกระทั่งนัดแนะว่าเขาจะลงมาหาที่บ้าน จนกระทั่งพาไปเที่ยวที่่บ้านเขาทางภาคใต้และแอบลักลอบได้เสียกัน ซึ่งพ่อและแม่ไม่รับรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยนายก้อง บอกว่าจะดูแลไม่ทอดทิ้งไปไหน ซึ่งจะเป็นคนรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น
จนกระทั่งตนเองตั้งท้องได้ประมาณ 4 เดือน พอรู้ว่าตนเองตั้งท้องก็หาทางหลีกเลี่ยงและหลบหลีก ทักไปก็ไม่เคยพูดเคยคุยอะไร ซึ่งตนเองก็พอทราบแล้วว่านายก้อง ต้องไปมีแฟนใหม่และทิ้งให้ตนเองอยู่เพียงลำพังกับลูก จนกระทั่งมีเพื่อนทักมาบอกว่านาย ก้องซึ่งเป็นแฟนของตนเองนั้น ไปมีแฟนใหม่แล้ว ตนเองจึงตัดสินใจมาร้องขอความเป็นธรรมกับสิ่งที่เขาทำขึ้นกับตัวเราและรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ที่มาร้องกับผู้สื่อข่าวในครั้งนี้ไม่ต้องการอะไรจากสังคมแต่ต้องการเรียกร้องกับคนที่ลงมือกระทำเราให้เสียหาย ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน รับจ้างขายโทรศัพท์ทางออนไลน์ประทังชีวิต ได้เงินซื้อนมให้ลูก โดยได้กำไรเครื่องละ 100 ถึง 200 บาท พ่อแม่ก็ลำบากมาก ตนเองโตมาถึงขนาดนี้ แทนที่จะทำงานชดใช้บุญคุณ พ่อแม่แต่ก็ต้องให้พ่อและแม่ต้องมาลำบาก ฝากถึงคนชื่อก้อง ลูกผู้ชายจริงก็อออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย เรื่องอื่นตนเองไม่ติดใจเพราะทุกอย่างรู้อยู่แก่ใจตัวเองได้เพียงเท่านี้แล้ว เกรงว่าผู้หญิงอื่นจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไปและจะต้องมานั่งเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกับตนเองอีก น.ส.กัญ กล่าว พร้อมกับขื่นขมในใจตัวเองที่พลาดพลั้งในการใช้ชีวิต
ล่าสุด ก็พบว่ามีเฟสบุ๊คของบุคคลหนึ่งไม่ขอเปิดเผย เข้ามาคอมเม้นต์ ต่อว่า น.ส.กัญ ว่านำเรื่องดังกล่าวไปเปิดเผยได้อย่างไร และมีการข่มขู่ต่างๆนานา จนทำให้ น.ส.กัญ ไม่สบายใจและได้พาแม่เข้าแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่จะได้ออกหมายเรียกให้ นายก้อง ออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกหมายเรียกไปยัง นายก้อง ซึ่งอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี แล้ว ถ้าหมายไปถึง นายก้อง ไม่มาพบ จนท.ตำรวจตามหมาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะออกหมายจับต่อไป สำหรับข้อหานั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาอะไร จนกว่านายก้อง จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวน ตลอดจนการสอบปากคำให้แน่ชัดก่อนว่าในกรณีที่ น.ส.กัญ มาแจ้งความนั้นเป็นข้อเท็จจริงอย่างไร อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ก็มีจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ และ อสม.ประจำหมู่บ้าน ได้นำสิ่งของเครื่องใช้สำหรบแม่ลูกอ่อน และนมผงมาให้เพื่อที่จะได้บรรเทาความเดือดร้อนให้ กับ ครอบครัว น.ส.กัญ ในเบื้องต้น
©2018 CK News. All rights reserved.