จากกรณี รถหรู ยี่ห้อเบนท์ลีย์ ทะเบียน 7 กค 3822 กรุงเทพ ขับมาด้วยความเร็ว แซงซ้ายแล้วเบี่ยงขวาก่อนจะพุ่งเข้าชนท้ายรถยมิตซูบิชิ ปาเจโร สีดำ ที่วิ่งอยู่เลนกลาง จนรถยนต์มิตซูบิชิเสียหลักหมุนพุ่งชนขอบทางติดช่องทางขวาสุด ก่อนมีรถดับเพลิงชนซ้ำ จนรถยนต์มิตซูบิชิพลิกคว่ำ เสียหายพังยับ 3 คัน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย เป็นหญิง อายุ 29 ปี กับเด็กชายอายุ 4 ขวบที่นั่งมาในรถยนต์มิตซูบิชิ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับเพลิงชายอีก 2 คน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ม.ค.66 นายอิทธิพล ประสงทรัพย์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ เล่าเหตุการณ์ว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังจะไปช่วยเหลือผู้ติดค้างจากเหตุไฟไหม้ย่านอุดมสุข ระหว่างขับรถมาบนทางด่วนได้วิ่งขวายาวมาตลอดและได้เปิดไซเรนให้สัญญาณขอทาง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ตนเองอยู่ในเลนขวาสุด อยู่ๆ มีรถหรูเบนท์ลีย์ วิ่งมาเลนซ้ายสุดด้วยความเร็วและไปชนท้ายรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สีดำป้ายแดง ทำให้รถปาเจโรหมุนมาฟาดกับรถของตน ทำให้หน้ารถพังยับเยิน ส่วนตนกับเพื่อนได้บาดเจ็บ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่อาสาพาตนกับเพื่อนส่ง รพ.จากการตรวจร่างกายพบว่า บาดเล็กน้อยทาง รพ.จึงอนุญาตให้กลับมาพักรักษาตัวต่อที่บ้าน
นายอิทธิพล กล่าวว่า ส่วนเรื่องของคดีความ ตนได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว แต่ในส่วนของรายละเอียด ยังไม่ได้อ่านบันทึกประจำวัน เบื้องต้นคู่กรณียินยอมรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด แต่ยังคงมีความวิตกกังวนอยู่บ้าง เพราะมาทราบตอนหลังว่าคู่กรณีเป็นบุคคลที่มีฐานะทางสังคมและรู้จักกับนักการเมืองระดับประเทศ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ด้าน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยหน่วยฐานพระยาตาก กล่าวว่า หลังเกิดเหตุสังเกตอาการของคนขับรถเก๋ง มีอาการคล้ายมึนเมาและเดินลงจากทางด่วนไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อจะหนี แต่มีอาสาที่เห็นเหตุการณ์ขับรถตามรถแท็กซี่ไป จากนั้นก็ไปที่โรงพัก เขาพยายามเดินบ่ายเบี่ยงเข้าห้องน้ำ แล้วเดินหลีกเลี่ยงออกหลังห้องน้ำ เพื่อจะหนีอีกรอบ เมื่อถึงร้อยเวรแล้วเขาบอกว่าจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับรถดับเพลิงและรถมิตซูบิชิ ปาเจโร
ด้านผู้ขับขี่รถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร เล่าว่า ตนออกจากบ้านขึ้นทางด่วน เพื่อจะกลับบ้านที่ จ.บึงกาฬ ได้ขับในเลนกลางตามปกติ ใช้ความเร็วประมาณ 90 กม./ชม. จากนั้นรู้สึกโดนกระแทกแล้วก็จำอะไรไม่ได้เลย เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก มาเห็นเหตุการณ์จากกล้องหน้ารถที่มีคนส่งมาให้ ในรถที่นั่งกันมาทั้งหมด 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน เด็กอายุ 4 ขวบ 1 คน หลังเกิดเหตุรถพลิกคว่ำก็พยายามตั้งสติให้ได้และช่วยกันพาทุกคนออกมาจากรถให้ได้ก่อน ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับคู่กรณี
โดยที่สถานีตำรวจ คู่กรณีไม่ยอมเป่าหรือตรวจแอลกอฮอล์ ตนก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม กลุ่มพี่ๆ กู้ภัยพยายามให้เป่า แต่เขาปฏิเสธที่จะไม่เป่า พยายามที่จะไปดื่มน้ำ เคี้ยวหมากฝรั่ง เขาคงหาทางแก้ปัญหาของเขา ตนไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรถึงไม่ยอมเป่า ทางตำรวจแจ้งว่าเขาขอตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ เบื้องต้นคาดว่าผลตรวจจะออกอย่างเร็วใน 7 วัน และไม่ทราบว่าระหว่างนี้จะมีกระบวนการอะไรหรือไม่
เท่าที่ทราบรถคู่กรณีไม่มีประกัน ส่วนประกันฝั่งเรายังไม่ตกลงกันว่าจะเคลมคันใหม่ให้หรือไม่ เพราะรถตนพึ่งออกมาได้เพียง 21 วัน ไม่รู้ว่าเขาจะรับผิดชอบให้เราได้ 100 เปอร์เซ็นหรือไม่ ส่วนเราต้องการรถคันใหม่และการเยียวยาร่างกายและจิตใจ เพราะพ่อก็แขนหัก การเยียวยาจะต้องรอการพูดคุยกันของทุกฝ่าย
ด้าน พ.ต.ท.พิเชษฐ์ เปิดเผยว่า ทางผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ ยอมรับผิดและยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับคู่กรณีทั้งหมด โดยนี้ได้ทำบันทึกประจำวันไว้และส่งตัวผู้ขับขี่ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นการตรวจที่ได้มาตรฐาน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมีทางฝั่งรถมิตซูบิชิ ปาเจโรบาดเจ็บทุกคน หนักสุดแขนหักอยู่ระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาล
ส่วนการเจราจาไกล่เกลี่ยมีทนายของฝั่งรถมิตซูบิชิได้ติดต่อเข้ามาแล้ว ซึ่งขณะนี้ต้องรอให้ผู้บาดเจ็บรักษาอาการให้หายดีก่อน และจะต้องรอผลตรวจปริมาณแอลกอฮอร์ยืนยันจากโรงพยาบาลตำรวจอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ก.พ.2566 ขณะนี้จึงยังไม่ได้แจ้งข้อหา เนื่องจากต้องรอผลตรวจยืนยันจากแพทย์และรอฝั่งผู้เสียหายรักษาอาการบาดเจ็บ ก่อนพิจารณาแจ้งข้อหาต่อไป
©2018 CK News. All rights reserved.