วันที่ 18 ธ.ค. 62 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวจัดการทรัพย์สินของตัวเองในการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง รูปแบบ Blind Trust โดยระบุว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่นักธุรกิจเข้ามาทำงานการเมือง หลายคนสงสัยว่าการเข้ามาทำงานการเมือง เป็นการกระทำเพื่อหวังผลประโยชน์ในอนาคตหรือไม่ เพราะฉะนั้นตนจะนำทรัพย์สินของตนไปให้บริษัทจัดการทรัพย์สิน คือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด ซึ่งสาเหตุที่เลือกมาเป็นผู้บริหารจัดการกองทุน เพราะว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยมีธุรกิจร่วมกันกับภัทร มีความเป็นมืออาชีพ ได้รับการยอมรับว่าเป็นแถวหน้าของวงการการเงินในประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าภัทรจะไม่ยอมจำนนต่อคำสั่งใดๆ เมื่อตนมีอำนาจ
นายธนาธร กล่าวว่า เพื่อเป็นการลบข้อครหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคต ตนอยากสร้างมาตรฐานใหม่ให้นักธุรกิจที่จะเข้ามาทำงานการเมือง จะได้ไม่ว่อกแว่กทุ่มเทเวลาให้กับการเมืองอย่างเต็มที่ และยกระดับมาตรฐานความโปร่งใส แม้ในรัฐธรรมนูญปัจจุบันระบุไว้แล้วว่าให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการถือหุ้นบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐ และรัฐมนตรีจะต้องโอนทรัพย์สินให้บริษัทจัดการทรัพย์สินเป็นผู้ดูแล แต่ไม่ได้ระบุว่าต้องทำให้เป็น Blind
ทั้งนี้ในต่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตยส่วนใหญ่ นักการเมืองจะนำทรัพย์สินของตนเองเข้าไปอยู่ใน Blind Trust เป็นมาตรฐานทางศีลธรรมที่ไม่ได้มีการบังคับ นี่คือรูปแบบการจัดการทรัพย์สินที่จะลบข้อครหาทางสังคมได้ ในประเทศไทยไม่มีกฎหมายที่รองรับ Blind Trust จึงทำเป็น Blind Trust ในลักษณะเดียวกันไม่ได้ แต่สิ่งที่ตนกำลังจะทำเป็นนวัตกรรมใหม่ เป็นการทำให้ Blind ด้วยความสมัครใจโดยไม่ต้องมีกฎหมายมาบังคับ เงื่อนไขมีดังนี้
1. นายธนาธรจะไม่สามารถกระทำการใดๆ ที่มีลักษณะเป็นการเข้าไปบริหาร ครอบงำ หรือออกคำสั่งเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินทั้งหมดของตนเองได้
2. เพื่อป้องกันปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน บริษัทจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดให้นายธนาธรหรือบุคคลอื่นใดได้รับทราบถึงรายละเอียดการบริหารจัดการทรัพย์สินทั้งหมด
3. บริษัทจะต้องไม่เข้าไปลงทุนเป็นหุ้นส่วนในบริษัทที่เป็นคู่ค้ากับรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานรัฐใดๆ
ต่อมาเฟสบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์ข้อความว่า จะสร้างการเมืองที่ดีได้นั้นต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน
.
อย่าคิดว่านักธุรกิจที่มาทำงานการเมืองจะเข้ามากอบโกยผลประโยชน์หรือเข้ามาดำเนินนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเองเหมือนกันทุกคน ดังนั้นเมื่อผมบอกว่าลาออกแล้วก็คือลาออกจริงๆ ผมก็ยึดมั่นในเกียรติภูมิของตนเองเหมือนกันว่าจะไม่ข้ามเส้นระหว่างงานการเมืองกับธุรกิจ ผมมีความฝันที่มันใหญ่กว่านั้น ต่อให้ผมรวยขึ้นอีกพันล้าน มันก็ไม่คุ้มกับความฝันที่ผมต้องเสียไป
.
ผมตัดสินใจทำเช่นนี้เพราะต้องการสร้างมาตรฐานการทำการเมืองใหม่ ผมว่าข้อดีอันดับแรกคือไม่ต้องวอกแวกไปกับการจัดการทรัพย์สินของตัวเอง ทำให้เราทุ่มเทพละกำลังและเวลาของเราในการทำงานรับใช้ประชาชนได้อย่างเต็มที่ ประการที่สอง มันแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ผลักดันให้พวกเรามาทำงานการเมืองก็เพื่อทำให้สังคมดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แม้จะมีขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดให้เราทำ แต่สิ่งที่เราจะทำให้มากกว่านั้นคือสร้างมาตรฐานใหม่ ยกระดับความโปร่งใส สร้างมาตรฐานการดูแลผลประโยชน์ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ไปไกลกว่ากฎหมาย
.
หวังว่าวันนี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานการเมืองไทยไปอีกขั้น
ภาพและข้อมูลจาก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, naewna
©2018 CK News. All rights reserved.