วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ที่สวนครูองุ่น ซอยทองหล่อ 3 เครือข่ายประชาชนเพื่อการมีกฎหมายควบคุมกัญชาในประเทศไทย จัดเวทีแถลงการณ์ เพื่อยืนยันถึง “ความจำเป็นของการมี พ.ร.บ.กัญชาเพื่อควบคุมกัญชาเชิงระบบในสังคมไทย”
โดยก่อนแถลงการณ์ ได้มีการเปิดเวทีเพื่อแสดงความเห็นจากเครือข่ายภาคประชาชนต่าง โดย นายธนโชติ เธียรรุ่งโรจน์ ประธานวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรออกานิกส์ เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ปัจจุบันปลูกัญชาทางการแพทย์เฟส 2 กล่าวว่า วันนี้หลายประเทศทั่ว่โลกยอมรับแล้วว่า สารสกัดกัญชาเป็นยารักษาโรคจากประเทศไทย ดีที่สุดในโลก เราเหมือนมีทองคำอยู่ในมือที่เรามีความมั่นคงทางยาในประเทศ วันนี้ ส.ส.ที่ท่านบอกว่าเป็นผู้แทนประชาชน แต่กำลังจะผลักประชาชนลงเหว และทำให้ประชาชนติดคุกด้วยการคว่ำ พ.ร.บ.กัญชา เนื่องจากประชาชนได้ลงทะเบียนปลูกกัญชานับล้านคน อย่างไรก็ตามถ้ามีการคว่ำ พ.ร.บ.จริงพวกเราก็จะไม่หยุด และจะดำเนินการต่อไป
“ผมไม่เข้าใจว่า แพทยสภา ส.ส.บางคน หรือคนที่ออกมาคัดค้าน พ.รบ.กัญชา จะสร้างดาวคนละดวงไปเพื่ออะไร ทำเพื่อสร้างความโดดเด่นให้ตัวเอง ทำไมไม่สร้างดาวในวงโคจรเดียวกัน คือ กฎหมายมาใช้ในการควบคุม อยากให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ ไม่ใช่ประโยชน์ในทางการเมือง” นายธนโชติ กล่าว
นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชากัญชง พ.ศ. กล่าวว่า จากความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ต้องการคว่ำ พ.ร.บ.กัญชา ทั้งที่เป็นกฎหมายที่มาจากทุกพรรคการเมือง ผ่านวาระแรกมาแล้ว พอจะพิจารณาวาระ 2 กลับถอนร่างออกมาไม่พิจารณา โดยอ้างความห่วงใยใน 2 ประเด็นคือ การใช้เกินขนาด และการใช้ในกลุ่มเยาวชน ซึ่งสิ่งทีเขาคัดค้านมีอยู่แล้วในกฎหมาย และได้มีการสงวนการแปรญัตติ เพื่อไปพูดในสภาใหญ่ ไว้แล้วทุกประเด็น พร้อมที่จะโหวตในสภาได้ ไม่ใช่คว่ำกฎหมายทิ้งทุกฉบับ ยืนยันว่า กัญชา มีประโยชน์ และเสพติดยากกว่าเหล้าบุหรี่ แต่กลับไม่สามารถมาใช้ในบ้านได้ ขณะนี้กมธ.ฯ มีความตั้งใจใช้กฎหมายกัญชา เพื่อมาควบคุม และขณะนี้รัฐบาลก็นำไปประกาศแล้ว การคว่ำกฎหมายไม่เกิดประโยชน์อันใดต่อประชาชน เพราะหากต้องการควบคุมจริงก็ต้องผ่านกฎหมายกัญชาเท่านั้น
ธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้แทนจากเครือ่ข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน กล่าวว่า จาการระดมวามคิดเห็น 8 ครั้ง ทั่วประเทศ มีการนำเสนอแง่มุมสองด้านของกัญชา สิ่งที่น่ากังวล คือความไม่รู้ของประชาชน และโดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับกัญชาทางการแพทย์ ซี่งสิ้นสงสัยด้วยงานวิจัยที่มากมายจากทั่วโลก ส่วนจะใช้เชิงสันทนาการนั้นก็ต้องควบคุมไม่ส่งเสริมให้บริโภคในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตรและผู้ป่วยในโรคบางกลุ่ม เมื่อร่างแรกไม่สมบูรณ์ ก็สามารถแก้ไขปรับปรุงได้เป็นรายมาตรา ไม่ใช่คว่ำทั้งฉบับ
นอกจากนี้ยังมีการ กล่าวผ่านทางออนไลน์โดยผู้มีประสบการณ์การใช้กัญชาคือ นายพงษ์พัฒน์ นามมูลน้อย หรือ ไก่ ที่ใช้ยาเสพติดมาทุกชนิดกว่า 15 ปี หันมาใช้กัญชา เพื่อหยุดยาเสพติด ปรากฏว่าใช้เวลาเพียง 7 วัน ก็สามารถลืมยาเสพติดทุกชนิด และเมื่อใช้ต่อเนื่องถึง 3 เดือน ก็สามารถหยุดยาเสพติดได้จริง รวมถึงกัญชาด้วย เพราะตนได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ปัจจุบันสามารถใช้ชีวิตปกติ เปิดฟาร์มขายพืชออกานิกส์ ชื่อ “เดินวนฟาร์ม” และสามารถหารายได้พิเศษ จากการเป็นสารพัดช่าง ทั้ง ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์และปรินท์เตอร์ ช่างไฟ ช่างเชื่อม ช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างฝ้า ช่างก่อสร้าง และยังชักชวนเพื่อนให้ใช้วิธีเดียวกัน เลิกยาได้ทุกชนิดหลายคน สอดคล้องกับนายแพทย์ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ระบุว่า กัญชามีงานวิจัยกว่า 1,000 ชิ้นจากทั่วโลก ว่ามีประโยชน์ในทางการแพทย์ และมีการใช้ต่อเนื่องกันมาหลายร้อยปี และเก่าแก่ที่สุดพบมีการใช้นับหมื่นปีด้วยซ้ำ
จากนั้น นายปานเทพ ได้เป็นตัวแทนอ่านแถลงกรณ์ ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน โดยมีเนื้อระบุว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านวาระการพิจารณาในวาระแรกของกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …ที่เสนอโดยพรรคการเมือง และเพื่อให้เกิดการจัดทําพระราชบัญญัติดังกล่าวขึ้น ตามขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร จึงได้แต่งตั้งกรรมาธิการจากพรรคการเมืองขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาจัดทําร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อกรรมาธิการพิจารณาจัดทําร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …เสร็จสิ้นแล้ว สภาผู้แทนราษฎรจะได้เปิดร่างเพื่อการอภิปรายอย่างรอบด้าน ซึ่งเป็นธรรมเนียมและหลักปฏิบัติทางนิติบัญญัติที่ยึดถือกันตลอดมา โดยหากมาตราไหนยังมี ข้อบกพร่องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามารถช่วยกันอภิปรายเพื่อให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นและเมื่อพิจารณาทุกมาตราแล้วสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ไม่ควรบังคับใช้สามารถลงมติไม่ผ่านการพิจารณาได้
“การเปิดร่างเพื่อพิจารณารายละเอียดจึงเป็นการแก้ปัญหาทั้งมวล เพราะตามการสื่อสารในช่องทางต่างๆ พรรคการเมืองมีความเห็นแตกต่างกันแต่ไม่เปิด เนื้อหามาพูดคุยกัน ซึ่งประชาชนรู้สึกแปลกใจว่า วิธีแก้ปัญหาอย่างตรงไปตรงมาที่สุด คือการเปิดเนื้อหามาร่วมกันพิจารณา ทั้งนี้การเปิดเนื้อหาดังกล่าวจะทําให้ประชาชน สามารถรับรู้เนื้อหาสาระได้ด้วย เพราะข้อบังคับของสภาผู้แทนราษฎร หากร่าง พ.ร.บ.ไม่เข้าสู่วาระการพิจารณาจะไม่สามารถเปิดเผยสาระของ พ.ร.บ.สู่สาธารณะได้ ฉะนั้นการที่ ส.ส. ลงมติไม่พิจารณา เท่ากับปิดการรับรู้ของประชาชนไปด้วย ทําให้กฎหมายฉบับนี้ประชาชนไม่ได้รับรู้ว่าเนื้อหาสาระเป็นเช่นไร”
อย่างไรก็ตาม ทางเครือข่ายประชาชนฯ ยืนยันว่า แถลงการณ์ที่ได้ร่วมร่างกันมานี้ได้เรียกร้องอันใดที่เกินเลยไปกว่าบทบาทของหน้าที่ ส.ส.พึงกระทำ นั่นคือ เมื่อมีมติของสภาไปแล้ว ในวาระแรกให้กรรมาธิการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ฉะนั้น ส.ส.ควรพิจารณาสาระของ พ.ร.บ.ตามที่ได้มอบหมายให้กรรมาธิการจัดทำซึ่งเป็นหลักปฏิบัติทั่วไป และไม่เป็นประโยชน์อันใดเลยต่อประเทศชาติกับการที่พรรคการเมืองมุ่งสื่อสารนสิ่งที่ตัวเองให้เป็นไปโดยไม่ลงมือพิจารณาตัวกฎหมาย หากพรรคการเมืองใดวิตกกังวลอันใด ต้องใช้กลไกของสภาทำให้ยึติ อย่าได้ปล่อยให้กัญาไม่มีกฎหมายควบคุม และหากพรรคการเมืองมีจุดยืนว่าจะต้องไม่ผานร่าง พ.ร.บ.กัญชาเพื่อให้เกิดปัญหาและสามารถนำไปโจมตีพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง การกระทำเช่นนี้ ไม่เป็นประโยชน์อันใดเลยต่อประเทศนี้ในฐานะ ส.ส.เครือข่ายประชาชนจึงขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง ขอให้เปิดร่างพิจารณาสาระของ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง รายมาตรา เพื่อให้สังคมไทยมีกฎหมายควบคุมกัญชาเชิงระบบ หากปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ การแปรรูปหรืออื่นใดจากกัญชา โดยไม่มีกฎหมายมาควบคุมย่อมต้องเป็นความรับผิดชอบของ ส.ส.ทั้งหมดไม่ใช่เป็นความรับผิดชอบของพรรคการเมืองใด เพราะสภาได้แต่งตั้ง กมธ.ของสภาเองในการจัดทำร่าง พรบ.มิใช่มอบให้พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่งมาจัดทำกฎหมายแต่อย่างใด สภาฯ จึงต้องรับผิดชอบต่อกฎหมายให้กมธ.ของสภา ไปจัดทำร่าง พรบ.และความรับผิดชอบที่พฐ.ที่สุดคือการเปิดร่างพิจารณารายมาตรา ขอจงละเว้นผลประโยชน์ใดอันเกิดแก่พรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง ด้วยการไม่พิจารณาร่าง รพบ. จึง ขอจงละวั้นผลประดยชน์ ส่วนพรรคกาเรมือง ด้วยการคำนึงผลประดยชน์ของปชช ด้วยการเปิดร่างพิจารณา พรบ.กัญชา กัญชา พ.ศ.เพื่อให้สังคมไทยมีกม.ควบคุมกัญชา
ทั้งนี้ เครือข่ายภาคประชาชนจะยื่นหนังสือต่อ พรรคการเมืองในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565
©2018 CK News. All rights reserved.