28 ก.ย.65 เวลา 16.00 น. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ตั้งกองอำนวยการป้องกันฯ ส่วนหน้า ณ ศูนย์ ปภ.เขต 13 อุบลราชธานี เตรียมพร้อมรับมือพายุโนรูเพื่ออำนวยการ สั่งการ และเชื่อมโยงข้อมูลการบริหารจัดการสาธารณภัยร่วมกับศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ชุดปฏิบัติการสนับสนุนการจัดการเหตุการณ์ (IMAT) สนันสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่ ระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยเข้าประจำจุดระดมสรรพกำลัง (Staging Area) ณ ศูนย์ ปภ. เขต 13 อุบลราชธานี เตรียมพร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชน
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะผู้อำนวยการกลาง เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์พายุโนรู คาดว่าจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างบริเวณจังหวัดอำนาจเจริญและอุบลราชธานีในคืนนี้ (28 ก.ย.65) และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันต่อไป ส่งผลทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ซึ่งขณะนี้ในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มมีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย จึงได้มีการตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ส่วนหน้า ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 13 อุบลราชธานี เพื่อเตรียมพร้อมรับมือพายุโนรู เชื่อมโยงข้อมูลและการดำเนินการช่วยเหลือประชาชนร่วมกับศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย กอปภ.ก. ส่วนหน้า จังหวัดอุบลราชธานี จะทำหน้าที่เป็นศูนย์สั่งการ ประเมินสถานการณ์ และสนับสนุนกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับ รวมถึงสนับสนุนทรัพยากรด้านสาธารณภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
และวันนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ประชุมติดตามและมอบนโยบายการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์และผลกระทบจากพายุโนรูผ่านระบบ VDO Conference ไปยังทุกจังหวัด โดยได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์พายุเพื่อประเมินสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อสื่อสารเพื่อขอรับการช่วยเหลือจากภาครัฐให้ทั่วถึง ทั้งนี้ ได้กำชับให้ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัยจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลสาธารณภัย และเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำลำคลองให้เร็วขึ้น รวมถึงจัดชุดปฏิบัติการเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านต่างๆ และเมื่อเกิดเหตุสาธารณภัยให้เร่งคลี่คลายสถานการณ์และมุ่งดูแลด้านชีวิตความเป็นอยู่ การดำรงชีพของประชาชน และระบบไฟฟ้าและสาธารณูปโภคให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ตลอดจนจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว โรงครัวพระราชทาน และการแจกจ่ายถุงยังชีพตามวงรอบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงให้อพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยหรือศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จัดตั้งไว้พร้อมทั้งให้การดูแลด้านต่างๆ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์และผลกระทบจากพายุโนรูอย่างเต็มกำลัง
“ปภ.ได้เตรียมความพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำจุดระดมสรรพกำลัง (Staging Area) ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 13 อุบลราชธานี อาทิ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 11 คัน รถประกอบอาหาร 2 คัน รถผลิตน้ำดื่ม 8 คัน รถไฟฟ้าส่องสว่าง 4 คัน เครื่องสูบน้ำ 18 เครื่อง สะพานเบลีย์ 1 ชุด เรือและเครื่องยนต์ 176 รายการ พร้อมทั้งได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ชุดปฏิบัติการสนับสนุนการจัดการเหตุการณ์ (IMAT) เข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่” นายบุญธรรม กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามพยากรณ์อากาศและข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบจากฝนตกหนัก โดยประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึง สายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
©2018 CK News. All rights reserved.