วันที่ 23 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ บรรยากาศทางการเมืองเป็นไปอย่างคึกคัก โดยบรรดาแกนนำพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ "นายนิพนธ์  บุญญามณี"  รองหัวหน้าพรรค  ผู้บริหารพรรค รวมทั้งบรรดา ส.ก. พรรคประชาธิปัตย์  เตรียมการรอต้อนรับ "มาดามเดียร์"  นางวทันยา  บุนนาค  ซึ่งมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค

น.ส.วทันยา เปิดใจถึงเหตุผลในการตัดสินใจร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรค และพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้การต้อนรับอย่างดี ดังนั้น หากจะทำการเมืองให้สุจริต ตัวตนของพรรคการเมือง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานในระบอบประชาธิปไตย

ทั้งนี้ ส่วนตัวชื่นชมการทำงานของหัวหน้าพรรค และผู้บริหารพรรค ที่ขยัน และทำงานเพื่อประชาชน พร้อมให้คำมั่นสัญญาทำงานด้วยความสุจริต ถูกต้องต่อไป

ส่วนการวางเงื่อนไขเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ นั้น"น.ส.วทันยา" ชี้แจงประเด็นนี้ว่า ขึ้นอยู่กับผู้บริหารของพรรค ซึ่งตนเองได้แสดงเจตจำนงค์ ในลงสมัครบัญชีรายชื่อ เพราะมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประชาชน โดยได้ใช้เวลาตัดสินใจพอสมควร หลังลาออกจากพรรคพลังประชารัฐกระทันหัน ได้พูดคุยกับผู้บริหารหลายพรรค แต่การตัดสินใจ ต้องเริ่มจากสัญลักษ์ของพรรคที่เป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหวังว่า ในฐานะคนรุ่นใหม่จะเข้ามาต่อเติมการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ได้  ส่วน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ คนอื่นจะเข้าร่วมหรือไม่ อยู่ที่การพิจารณาของแต่ละบุคคล ยังไม่ได้มีการพูดคุย  

การทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์แตกต่างกัน เพราะพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่เพิ่งหัดใหม่ แต่พรรพประชาธิปัตย์ เป็นสถาบันทางการเมือง ที่เติบโตมาพร้อมกับคนทุกยุคทุกสมัย

น.ส.วทันยา  ยังได้กล่าวถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั้น ยังคงเคารพท่านเหมือนเดิม เพียงแค่เปลี่ยนบริบทในการทำงานทางการเมือง แต่เรื่องมิตรภาพระหว่างกัน เป็นคนละเรื่อง 

พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวถึงข้อห่วงใยที่เคยถูกตรวจสอบกรณีการถือหุ้นสื่อว่า  "ไม่มีความกังวลใดๆ เพราะ ได้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการตั้งแต่ก่อนจะเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว"

สำหรับ "มาดามเดียร์"  ปัจจุบัน อายุ 37 ปี  ตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางการเมืองเมื่อครั้งรัฐธรรมนูญปี 60 ประกาศใช้โดยกำหนดให้มีการเลือกตตั้งเป็นการทั่วไปเมื่อปี 2562 ทำให้ "วทันยา" เลือกเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ โดยได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคพปชร.  และได้ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มกำลัง ทั้งในการลงพื้นที่ติดตามแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน รวมถึงการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าประชุมร่วมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับต่างๆ  รวมถึงการทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการ