ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ หรือ น้องท่ามเฮง ลูกสาวคนโต คนสวย คนเก่ง ของ นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งวางมือทางการเมือง แล้วผลักดันทายาทลงสู้ศึกในสมัยนี้แทน แสดงความมั่นใจว่าตนเองจะได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาเหมือนกับคุณพ่อ ทั้งด้วยคุณสมบัติด้านการศึกษาที่จบทั้งเนติบัณฑิตไทย และปริญญาโทถึง 2 ใบ จากประเทศอังกฤษ หรือด้านการเมืองท้องถิ่น ในตำแหน่งเลขานุการนายก อบจ.ตรัง และยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม NEW DEM คนรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งจากการได้ลงสัมผัสพื้นที่ต่างๆ พบว่า ยังมีแรงสนับสนุนเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชนในทุกกลุ่ม
ทั้งนี้ แม้ตนเองจะเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ แต่กระแสของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่เขต 3 ไม่ได้ลดลง เพราะคุณพ่อทำงานการเมืองอย่างต่อเนื่องตลอดหลายสิบปี และถึงแม้จะต้องลงแข่งกับพี่ชายในตระกูลเดียวกันจากพรรคพลังประชารัฐ แต่ตนเองกลับไม่รู้สึกกังวลอะไร ยังคงเดินหน้าพบปะชาวบ้าน พร้อมชี้แจงถึงนโยบายเพื่อพัฒนาจังหวัดตรังในด้านต่างๆ โดยจะชูในเรื่องท่องเที่ยวเป็นหลัก เนื่องจากพื้นที่เขต 3 มี 3 เกาะใหญ่ๆ คือ ลิบง, สุกร, มุกด์ มีชายหาด ป่าเขา น้ำตก รวมทั้งชนเผ่ามันนิ (ซาไก) เพื่อหวังสร้างรายได้เสริม นอกเหนือไปจากการทำสวนยางและปาล์ม โดยจะนำเทคโนโลยีมาช่วยทำให้การท่องเที่ยวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้าน นายดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิชณน์ หรือ น้องเอก ซึ่งจบปริญญาตรี นิติศาสตร์ ม.หอการค้า และปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ ม.อ. รวมทั้งเคยทำงานการเมืองระดับชาติ ทั้งผู้ช่วย ส.ส. และผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ มองว่า ถึงแม้เที่ยวนี้ตนเองจะแยกตัวออกมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และยังเป็นหลานในตระกูลโล่สถาพรพิพิธ ซึ่งสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยาวนาน แถมต้องลงแข่งกับน้องสาวของตนเอง แต่เชื่อว่า ด้วยความสามารถและประสบการณ์ทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จะช่วยหนุนให้ตนเองได้รับชัยชนะ แม้ต้องลงแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์ แชมป์เก่า ก็ตาม
ทั้งนี้ เป้าหมายของการหาเสียงก็คือ การเดินลงไปพบปะชาวบ้านกลุ่มรากหญ้า โดยเฉพาะกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีอยู่ประมาณ 3.3 หมื่นคนในเขต 3 เพื่อบอกกล่าวถึงนโยบายนี้ ที่จะสานต่อ พร้อมเพิ่มมูลค่า และเพิ่มโอกาส อันจะส่งผลให้ผู้คนอยู่ดีกินดี หากพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลอีกครั้ง และถ้าการเลือกตั้งในครั้งนี้ตนเองได้เป็นผู้แทนจากจังหวัดตรังเข้าไปอยู่ในสภาด้วย ก็ยิ่งจะทำให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ทั้งในแง่ของการพัฒนา และการสะท้อนปัญหา โดยเฉพาะเรื่องสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ จนขณะนี้เริ่มเกิดกระแสเปลี่ยนและยอมรับในหลายกลุ่ม แม้กระทั่งกลุ่มผู้นำท้องถิ่น จนทำให้มีผลดีต่อคะแนนเสียงของพรรคพลังประชารัฐ
©2018 CK News. All rights reserved.