วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บุกเดี่ยวยิง นายมานพ เสถียรเขตต์ ทนายความชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง พรรคไทยรักษาชาติ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสียชีวิตคาปั๊มน้ำมัน ช.อำนวยทรัพย์ปิโตเลี่ยม เลขที่ 111 ม.4 ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 65 เวลา 19.07 น.
ล่าสุด พลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบตร.) เปิดเผยว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษ บูรพา 491 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 บุกเข้าจับกุม นายปิติ นิชรัตน์ อายุ 54 ปี มือปืนยิง โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ย่านประชานุกูล แขวงลาดยาว เขตจตุจักรกทม. จากนั้นจึงควบคุมตัวไปตรวจค้นที่บ้านพักเช่า บริเวณหลังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ถนนดินสอ แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร และชี้จุดทิ้งเสื้อ กางเกง และรองเท้า ที่ใช้ในวันก่อเหตุ บริเวณที่ทิ้งขยะไม่ไกลจากห้องเช่า ก่อนนำตัวไปควบคุมที่กองบังคับการปราบปราม
พลตำรวจเอก สุชาติ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบพยานหลักฐานว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 2 คน และมีการวางแผนมาก่อเหตุอย่าง มืออาชีพ มีการสำรวจพื้นที่ สะกดรอยติดตามนายมานพ ไม่ต่ำกว่า 1 เดือน ซึ่งก่อนวันก่อเหตุ นายปิติ ได้เดินทางไปยังจังหวัดระยองล่วงหน้า 2 วัน เพื่อตรวจสอบดูลาดเลาให้แน่ชัด ก่อนลงมือในวันที่ 15 สิงหาคม
ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุนั้น คนร้ายจงใจไปจอดทิ้งไว้ในที่ดินรกร้างแห่งหนึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร ก่อนไปขึ้นรถยนต์ของผู้ร่วมก่อเหตุอีกคน ที่จอดรอรับในพื้นที่เปลี่ยวใกล้จุดทิ้งรถขับหลบหนีไปด้วยกัน
จากการตรวจสอบพบว่า รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถที่ถูกขโมยมา มีการแจ้งความหายไว้ตั้งแต่ ปี 2557 ต่อมาตำรวจสืบสวนจนยืนยันตัวบุคคลที่เป็นมือยิงและคนพาหลบหนีได้ทั้ง 2 คน จากรอยนิ้วมือที่อยู่บนรถจักรยานยนต์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับในเวลาต่อมา
ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุอีกคนคือ นายนิติพล ฉ่ำชื่น อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์พานายปิติไปจังหวัดระยองและขับรถยนต์พาหลบหนีหลังก่อเหตุ และหลังนำรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุไปทิ้ง ถูกชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปรามจับกุมได้ที่จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นบ้านภรรยาของนายนิติพล
อย่างไรก็ตาม ตรวจสอบประวัติ ผู้ต้องหาทั้งสอง ยังไม่พบว่าเคยต้องคดึมาก่อน แต่นายปิติมือปืนยอมรับเองว่าเคยก่อเหตุยิงคนอื่นมาแล้ว แต่ไม่รู้ถึงสาเหตุความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และไม่รู้จักกับผู้ตายมาก่อน แต่นายนิติพลเป็นคนรับงานมา และรู้จักกับผู้ตาย ซึ่งปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้น หลังก่อเหตุนายปิติได้คืนให้กับนายนิติพลไป ส่วนใครเป็นผู้จ้างวานอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล สำหรับ ประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองท้องถิ่นนั้น ภรรยาของผู้ตายเคยให้ข้อมูลไว้ ก็อยู่ระหว่างตรวจสอบเช่นกันว่าเป็นสาเหตุหลักหรือไม่
©2018 CK News. All rights reserved.