เวลา 09.00 น.วันที่ 29 สิงหาคม 2565 อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาเรื่อง "การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรโดยการเพิ่มมูลค่าด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาด" และพิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม โดยมี นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ประธานคณะ กมธ.แก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม กล่าวรายงาน ในการนี้ คณะ กมธ. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกลุ่มเกษตรกรจากทั่วประเทศ ร่วมในพิธีเปิด
นายชวน หลีกภัย กล่าวว่า ตนมีความยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรให้แก่ทุกท่าน จำนวน 120 คน ซึ่งทุกคนถือว่าเป็นพลังสำคัญด้านการเกษตรของประเทศโดยแท้ จึงถือโอกาสนี้แสดงความชื่นชมประธานคณะ กมธ. และ กมธ. ทุกคนที่ได้จัดกิจกรรมประเภทนี้ ทั้งนี้ ปัญหาที่ได้หยิบยกมาพูดในสภาบ่อยครั้งคือปัญหาเรื่องราคาพืชผล โดยตนเคยดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ 2 ครั้ง ซึ่งในครั้งที่ 2 นั้นเข้ามาเพื่อมาแก้ปัญหาวิกฤตเกี่ยวกับความไม่ตรงไปตรงมา ภาพลักษณ์ที่เสียหายว่าไม่ชอบธรรม ถูกต้อง แต่ทั้ง 2 ครั้งนั้นก็อยู่กับพวกเราที่เป็นเกษตรกร ดังนั้น ปัญหานี้จึงได้รับรู้ตลอดมาว่าเกษตรกรของเราอยู่ในสภาพที่เผชิญปัญหาทำให้เกิดคณะ กมธ. ชุดนี้ขึ้นและได้จัดสัมมนาเรื่อง การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรโดยการเพิ่มมูลค่าด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาด แต่หากมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ตนเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ เราเป็นหนึ่งในภูมิภาคนี้ แต่ปัจจุบันประเทศเวียดนามกำลังจะแซงหน้าประเทศไทยซึ่งความจริงแล้วก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนา สำหรับประเทศไทยนั้น จากอดีตถึงปัจจุบันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมากทำให้เราอยู่กับที่ไม่ได้ โดยครั้งหนึ่งเราส่งออกข้าวเป็นที่หนึ่งของโลก บัดนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแต่เรื่องราคาก็ยังถือว่าเราอยู่ในเกณฑ์ที่เหนือกว่าคนอื่นเพราะเรื่องของคุณภาพ อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถยืนราคาที่ดีอยู่ตลอดได้เพราะเมื่อปริมาณเพิ่มขึ้นทำให้ความต้องการของตลาดไม่ใช่เป็นของที่ขาดแคลนจึงเป็นโอกาสของตลาดผู้ซื้อ โดยอุปสงค์และอุปทาน เป็นตัวกำหนดราคา ซึ่งเมื่อผลผลิตล้นก็เป็นโอกาสของตลาดผู้ซื้อที่จะกำหนดราคาได้ ทั้งนี้ ในแง่ของการเพิ่มมูลค่าการผลิต การแปรรูป และการตลาดนั้น บางอย่างไม่สามารถแปรรูปได้ด้วยตัวของเกษตรกรเอง ยกเว้นในอุตสาหกรรม อาทิ ยางพารา ซึ่งครั้งหนึ่งชาวสวนยางเคยเป็นผู้ที่มีฐานะดีที่สุดเพราะยางมีราคาดี แต่วันนี้จังหวัดที่รายได้ตกต่ำที่สุด คือ จังหวัดระนองและตรัง โดยรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อเดือน จาก 36,000 บาท ลดลงเหลือ 26,000 บาท ซึ่งการที่จะให้ชาวสวนยางปรับเปลี่ยนอาชีพนั้นทำได้ยากมาก เพราะมีพื้นที่เพียง 5 ไร่ 10 ไร่ เท่านั้น ไม่เหมือนสวนยางแถวจังหวัดจันทบุรีหรือจังหวัดระยอง ที่มีพื้นที่เป็นร้อยไร่ ดังนั้น โอกาสที่จะเพิ่มรายได้ต่อพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นไปไม่ได้ในพื้นที่เหล่านั้น มีทางเดียวคือปรับเรื่องของคำแนะนำ ความหลากหลายในการปลูกพืช เช่น แบ่งพื้นที่มาปลูกพืชอย่างอื่นเพื่อทำรายได้ เพราะพืชบางชนิดแปรรูปยาก ซึ่งคณะ กมธ. ชุดนี้มีความรอบรู้และเมื่อได้ระดมบุคคลที่เก่งและประสบความสำเร็จให้มาอยู่ในที่นี้จึงเป็นทรัพยากรที่มีค่าเป็นอย่างมาก และขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับเกียรติบัตรในครั้งนี้
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงโครงการบ้านเมืองสุจริต ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้จัดขึ้นโดยหวังผลว่า เหนือสิ่งอื่นใดคือ ไม่ว่าเราจะพัฒนาด้านการเกษตรหรืออุตสาหกรรมไปมากน้อยเพียงใด หากบ้านเมืองเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตก็ยากที่ประเทศจะรุ่งเรืองได้ เพราะการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่บ่อนทำลายบ้านเมืองโดยตรง จึงเกิดหัวข้อ ประเทศจะรุ่งเรือง เมื่อบ้านเมืองสุจริตขึ้น โดยตนจะต้องไปเปิดโครงการที่ภาคเหนือกับภาคใต้ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ได้ไปด้วยตนเองแล้วที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งหวังผลในการรณรงค์ให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป เชื่อว่าความสุจริตเป็นของดี ดังพระบรมราโชวาทในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่า "บ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงไม่ใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง" ซึ่งเป็นสัจธรรมความจริงในอดีต ปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต จึงคิดว่าสภาไม่ควรดูดาย โดยความจริงแล้วไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของฝ่ายนิติบัญญัติแต่ก็ไม่ควรดูดาย เมื่อมีโอกาสทำได้ก็ควรเข้าไปมีส่วนร่วม โอกาสนี้ ขอขอบคุณประธานคณะ กมธ. และคณะ กมธ. ด้วยความจริงใจ และขอแสดงความชื่นชมทุกคนที่ได้รับเกียรติบัตรซึ่งยังมีคนเก่งอีกมากมายเกินกว่าที่ทุกคนจะมาได้ทั้งหมด จึงขอส่งกำลังใจให้กับทุกคน ให้ประสบความสำเร็จ โดยขอให้เชื่อมั่นในความตรงไปตรงมาและความสุจริต
ต่อจากนั้น เป็นการอภิปรายเรื่อง "การปฏิวัติเกษตรกรรมไทยเพื่อเพิ่มผลิตผล มูลค่า และราคาทางการเกษตร" โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายวีระกร คำประกอบ ประธานที่ปรึกษาคณะ กมธ.แก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน โดยมี นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ รองประธานคณะ กมธ. คนที่หนึ่ง เป็นผู้ดำเนินรายการ
สำหรับการจัดสัมมนาดังกล่าว คณะ กมธ.แก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรมจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องการตลาดนำการผลิต การเพิ่มมูลค่าด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาด โดยเชิญวิทยากรผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับฟังเพื่อเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้แก่เกษตรกร นอกจากนี้ ยังจัดพิธีมอบใบประกาศเกียรติบัตรคุณงามความดีและเข็มเชิดชูเกียรติให้แก่เกษตรกร และหน่วยงานซึ่งได้ประกอบคุณงามความดี และทำคุณประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรมให้แก่ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรือผู้ที่มีผลงานทางเกษตรกรรมด้วยการเพิ่มมูลค่าด้านผลิตผลการแปรรูป จนมีผลงานเป็นที่ยอมรับแก่บุคคลทั่วไป ในส่วนขององค์กรนั้นเป็นองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ต่อการส่งเสริม สนับสนุน สร้างสรรค์ อันเป็นประโยชน์ต่อภาคเกษตรกรรมอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง โดยคณะ กมธ. ได้มอบหมายให้ทางจังหวัดแต่ละจังหวัด ตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อคัดเลือก
©2018 CK News. All rights reserved.