วันที่ 11 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิรักษ์ ศรีกุลวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ได้ลงนาม หนังสือด่วนที่สุด เพื่อแจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำเพิ่ม ตั้งแต่จ.ลพบุรี จ.สระบุรี ต่อเนื่องไปจนถึงจ.พระนครศรีอยุธยา โดยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะทยอยปรับเพิ่มการระบานน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำ จาก 80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ ระดับน้ำในแม่น้ำปาสัก เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ประมาณ 80 ถึง 90 เซนติเมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นยังอยู่ในลำน้ำ ไม่เกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำป่าสัก และไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เสี่ยงท้ายน้ำ แต่ขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบ และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
สำหรับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีศักยภาพสูงสุดในการระบายน้ำอยู่ที่ ปริมาณการระบายน้ำสูงสุด 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะนี้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเมื่อวาน 80 ลูกบาศก์ต่อวินาที เป็น 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากไม่มีฝนตกทางจังหวัดทางภาคเหนือ หรือมีพายุที่ทำให้เกิดฝนตกหนักและตกต่อเนื่องในพื้นที่ ก็คาดว่าจะสามารถบริหารจัดการน้ำได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ
อย่างไรก็ดีหากมีปริมาณน้ำจำนวนมากเหมือนเมื่อปีที่ผ่านมา เขื่อนจำเป็นต้องระบายน้ำออกไปยังพื้นที่ท้ายน้ำ แต่จะประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบล่วงหน้าขอให้ประชาชนและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ที่ 407.99 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น ร้อยละ 42.50 ของความจุเขื่อน แต่เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เกิดประสิทธิ์ภาพสูงสุด สอดคล้องกับ การพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับ พายุโซนร้อนมู่หลาน จำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำ
©2018 CK News. All rights reserved.