เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มีนาคม 2562 ที่วิทยาลัยการอาชีพสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ ในภาคอีสาน ลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงให้กับ นายณัฐกานต์ ไชยรบ อดีต ส.อบจ.เขต อ.สว่างแดนดิน บุตรชาย นายชัยมงคล ไชยรบ นายก อบจ.สกลนคร ผู้สมัคร สส.เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 14 โดยนายสุริยะฯ กล่าวว่า ตนมั่นใจในนโยบายของพรรค ไม่ว่าพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน สปก 4-01โอนสิทธิ์ เพิ่มมูลค่า โครงการมารดาประชารัฐ เงินช่วยเหลือชาวนา ข้าวได้ราคาชาวนาได้เงิน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เกษตรประชารัฐ 3 เพิ่ม 3 ลด และอื่นๆอีกมาก ท่ามกลางเสียงปรบมือด้วยความชอบใจของประชาชนผู้มาฟังการปราศรัยนับหมื่นคน ในขณะที่ นายณัฐกานต์ ไชยรบ ผู้สมัคร สส.เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 14 กล่าวปราศรัยว่า ขอโอกาสให้ตนที่เคยเป็น สจ.มาก่อน ได้ทำหน้าที่ สส.บ้าง เพราะเป็นความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กว่าอยากเข้ามาสู่เส้นทางการเมือง เพื่อพัฒนาตอบแทนแผ่นดินบ้านเกิด หากพี่น้องประชาชนไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่เลือกตน ก็ได้เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ทำให้ชาวบ้านส่งเสียงขึ้นมาว่าต้องได้เป็น สส.แน่นอน

ต่อมา เวลา 15.00 น. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เดินทางไปที่ สนามกีฬาจังหวัดสกลนคร เพื่อปราศรัยหาเสียงช่วย นายสุมนิศร์ ทีฆธนานนท์ อดีต รองนายกเทศมนตรีนครสกลนคร ผู้สมัคร สส.พรรคพลังประชารัฐ เขตเลือกตั้งที่ 1 หมายเลข 8 โดยมีประชาชนในเขตอำเภอเมืองสกลนคร มาฟังการปราศรัย กว่า 8 พันคน นายสุมนิศร์ กล่าวว่า ขอความเมตตาจากพี่น้องกรุณาเลือกตนเข้าไปทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องและนำงบประมาณมาพัฒนาบ้านเกิด ซึ่งนายสุริยะ ก็ได้นำนโยบายของรัฐบาลที่ได้ทำมาแล้วและจะทำต่อไป มาบอกกล่าวพร้อมทั้งยืนยันว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คือนายกรัฐมนตรีอีกสมัย จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคอีสาน มีความมั่นใจว่าจะได้ สส.แบบเขตไม่น้อยกว่า 40 ที่นั่ง และ สส.บัญชีรายชื่ออีก 20 รวมเป็น 60 ที่นั่ง ต่อข้อซักถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมากล่าวว่าว่าไม่เอาพลเอกประยุทธ์ เป็นนายก และไม่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอนนั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาของการหาเสียง เพราะเข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว แต่ละคนแต่ละพรรคก็หาเสียงให้กับตัวเอง ตนมั่นใจว่าพอหลังจากเลือกตั้งแล้วจะพูดอีกแบบหนึ่ง