วันนี้ 04 08 65 ผู้สื่อข่าว ON news รายงานว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี โดย นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอห้วยกระเจาและประชาชนชาวอำเภอห้วยกระเจา ให้การต้อนรับ
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและมีภัยแล้งเป็นประจำทุกปี เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขา และเป็นพื้นที่เขตเงาฝน ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน รวมทั้งการขาดแคลนระบบชลประทาน ทางจังหวัดกาญจนบุรี ได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อก่อสร้างระบบกระจายน้ำโดยวางท่อเมนเหล็กเพื่อส่งต่อน้ำบาดาลไปยังพื้นที่ ระยะทาง 11,835 กิโลเมตร ให้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนมีน้ำสะอาดสำหรับใช้อุปโภคบริโภค และสามารถทําเกษตรกรรมได้ตลอดทั้งปี โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) ภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ที่อนุมัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2564 ซึ่งโครงการสร้างระบบกระจายน้ำดังกล่าว ได้รับการอนุมัติแล้ว
ภายหลังการตรวจเยี่ยมโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ นายกรัฐมนตรีได้พบปะประชาชนชาวอำเภอห้วยกระเจาที่มาให้การต้อนรับพร้อมทั้งได้กล่าวแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี ที่ประสบความสำเร็จในการหาแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ ถือเป็นแหล่งน้ำที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง 15 โครงการ ครอบคลุม 11 จังหวัด ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤตภัยแล้ง ซึ่งพื้นที่ห้วยกระเจา เป็น 2 ใน 15 โครงการดังกล่าว
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและมีภัยแล้งเป็นประจำทุกปี เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขา และเป็นพื้นที่เขตเงาฝน ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน รวมทั้งขาดแคลนระบบชลประทาน ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง”15 โครงการ ครอบคลุม 11 จังหวัด ไว้เป็น “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤตภัยแล้ง
ต่อจากนั้น เวลา 13.15 น. ที่ บริเวณริมน้ำหน้าเมือง ถนนสองแคว ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะเดินทางไปติดตามการจัดระเบียบและปรับปรุงภูมิทัศน์สองฝั่งแม่น้ำแควน้อยแควใหญ่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาเมืองเก่ากาญจนบุรีและสองฝั่งแม่น้ำแควน้อยแควใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี มีพลเอก สมชาย วิษณุวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จังหวัดกาญจนบุรี นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 จังหวัดกาญจนบุรี และนายอัฏฐพล โพธพิพิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดกาญจนบุรี ให้การต้อนรับ โดย นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รายงานความเป็นมาของโครงการแก้ไขปัญหาแพรุกล้ำบริเวณแม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อยและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พร้อมชมวีดิทัศน์ความเป็นมาและความคืบหน้าของการดำเนินโครงการฯ และ นายทรงวุฒิ ศีลแดนจันทร์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ผู้แทนประชาชนจังหวัดกาญจนบุรี ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ที่สนับสนุนการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของจังหวัดกาญจนบุรีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการการจัดระเบียบเรือแพและปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำแคว ที่ภาคประชาชนได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีขอรับการสนับสนุนโครงการฯ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ณ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อปี พ.ศ.2562 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบในการจัดงบประมาณเพื่อดำเนินการตามโครงการดังกล่าวมาในงบของยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดและยุทธศาสตร์จังหวัดกาญจนบุรี
ทั้งนี้ ทางจังหวัดกาญจนบุรีได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาแพรุกล้ำบริเวณแม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย อาทิ การดำเนินการด้านกฎหมาย การลดมลภาวะทางเสียง การก่อสร้างท่าเทียบเรือเพื่อรองรับแพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวเรือชาวแพที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งทางภาคเอกชน ได้เสนอขอรับการสนับสนุนในการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสองฝั่งแม่น้ำแควน้อย พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยได้จัดสร้างจุดชมวิว Sky Walk บริเวณริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ตลอดจนจัดระเบียบและปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ริมฝั่งถนนแม่น้ำแคว จัดทำเป็น Walking Street สวนสาธารณะ ลานกิจกรรม ให้เป็นพื้นที่สาธารณะของชาวเมืองกาญจนบุรี เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในตัวเมือง กระตุ้นเศรษฐกิจ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้พบปะกับประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี ได้ขอให้ประชาชนเข้าใจในการทำงานของรัฐบาลที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมชื่นชมประชาชนทุกภาคส่วนของจังหวัดกาญจนบุรี ที่ร่วมกันดำเนินการการจัดระเบียบเรือแพและปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำแคว โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ท่าเทียบเรือขุนแผน เพื่อแก้ปัญหาแพรุกล้ำลำน้ำอย่างยั่งยืน นำไปสู่การพัฒนาทุกมิติและส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ สร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงเน้นย้ำการนำศักยภาพด้าน soft power อัตลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นของจังหวัดกาญจนบุรี การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าในท้องถิ่น การท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทำให้ทุกอย่างเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ รวมไปถึงเกิดการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งผู้ประกอบการธุรกิจ ร้านค้า บริการต่าง ๆ นำมาพัฒนาเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังได้กล่าวขอบคุณและขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนทุ่มเทพัฒนาจังหวัดและประเทศให้เดินต่อไปข้างหน้า
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้เยี่ยมชมการจัดระเบียบแพและทัศนียภาพแม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อยบน Sky Walk เป็นจุดชมวิวแม่น้ำสองสี ที่มีแม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อยไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีทัศนียภาพที่สวยงาม
©2018 CK News. All rights reserved.