ผลการโหวต "เสียงประชาชน" โดยให้ประชาชนคนไทยได้ร่วมลงคะแนนเสียง การอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลรวม 11 คน ตามโครงการ "เสียงประชาชน" ประกอบด้วยนักวิชาการจาก 4 มหาวิทยาลัย และองค์กรภาคประชาชน 30 ปีพฤษภาประชาธรรม โดยความร่วมมือสถานีโทรทัศน์ดิจิตอล 4 ช่อง แก่ได้ พีพีทีวี ไทยรัฐทีวี เนชั่น และเวิร์คพอยท์ เพื่อให้ประชาชนสามารถลงมติไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ "พล.อ.ประยุทธ์" และรัฐมนตรีรายอื่น ๆ ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. ที่ผ่านมา และสภาฯ โหวตวันนี้ (23 ก.ค. 65)
โดยเป็นการโหวตคู่ขนานกับสภาผู้แทนราษฎร ผ่านระบบออนไลน์ ในช่วงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 22 ก.ค. 65 ถึงเวลา 11.00 น. ของวันที่ 23 ก.ค. 65 ปรากฏว่ามีประชาชนร่วมโหวต ทั้งสิ้น 524,806 คน มาจากคนไทย 105 ประเทศทั่วโลก เป็นการโหวตไม่สำเร็จ (บัตรเสีย) 6,876 คน คะแนนเสียงเป็นดังนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไว้วางใจ 15,973 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 508,833 เสียง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ไว้วางใจ 17,425 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 507,381 เสียง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ไว้วางใจ 17,125 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 507,681 เสียง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไว้วางใจ 14,393 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 510,413 เสียง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไว้วางใจ 20,609 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 504,197 เสียง
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ไว้วางใจ 16,528 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 508,278 เสียง
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ ไว้วางใจ 18,207 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 506,599 เสียง
นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ ไว้วางใจ 19,259 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 505,547 เสียง
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ไว้วางใจ 17,210 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 507,596 เสียง
นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ไว้วางใจ 18,212 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 506,594 เสียง
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ไว้วางใจ 20,473 เสียง l ไม่ไว้วางใจ 504,333 เสียง
ด้าน นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้ประสานงานโครงการเสียงประชาชน เผยว่า วัตถุประสงค์ของโครงการ "เสียงประชาชน" คือการสร้างแพลตฟอร์มหรือช่องทางให้ประชาชนในฐานะที่เป็น "เจ้าของอำนาจอธิปไตย" ตามรัฐธรรมนูญ สามารถแสดงออกว่าจะไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทั้ง 11 คน เพื่อให้ "เสียงประชาช" เจ้าของประเทศสามารถส่งออกมาได้ "โดยตรง" ซึ่งจะเหมือนหรือจะต่างไปจากการลงมติของ ส.ส. ซึ่งเป็น "ตัวแทนของประชาชน" ก็เป็นเรื่องของประชาชนที่เข้ามาโหวต แม้จะไม่มีผลทางกฎหมาย แต่คือ "เสียงประชาชน" ที่ฝ่ายการเมืองพึงต้องรับฟัง
กติกาในการโหวตคือ "หนึ่งเครื่องหนึ่งเสียง" โดยการโหวตจะแยกลงมติรัฐมนตรีทั้ง 11 คนเป็นรายบุคคลเช่นเดียวกับการลงมติของสภาผู้แทนราษฏร การโหวตได้เริ่มในวันสุดท้ายของการอภิปรายคือเมื่อวานนี้ เวลา 18.00 น. เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสได้ฟังการอภิปรายและการชี้แจงจากรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายก่อนที่จะมีการโหวต โดยจะปิดการโหวตในวันนี้ ซึ่งเป็นวันลงมติของสภาผู้แทนราษฏรลงมติ โดยปิดเวลา 11.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับการปิดโหวตของสภาผู้แทนราษฎร
ผลการโหวต "เสียงประชาชน" สถานีโทรทัศน์ดิจิตอลทั้ง 4 ช่อง จะประกาศหลังจากสภาผู้แทนราษฏรได้ลงมติเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ผลการลงมติ "เสียงประชาชน" มีผลต่อการลงมติของ ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎร จนอาจถูกครหา หรือเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อเจตนารมณ์ของการดำเนินโครงการได้ว่าไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในสภาผู้แทนราษฎร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประชาชนทุกคนจะมีสิทธิโหวต และในปัจจุบันการใช้โทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับประชาชนโดยทั่วไปแล้ว แต่เนื่องจากยังอาจจะมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ยังเข้าไม่ถึงอินเตอร์เน็ต "เสียงประชาชน" ที่โหวตในครั้งนี้ ผลที่ออกมาจึงเป็น "เสียงประชาชนที่มาโหวต" ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นเสียงของประชาชนทั้งหมด การนำ "ผล" การโหวตไปใช้ไม่ว่าในทางใด จึงต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงนี้ด้วย
แต่ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงอีกประการที่ต้องไม่ลืมคือ ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด จะไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้ง 11 คน ทุกคนและทุกฝ่ายก็มีโอกาสเสมอกันในการโหวตหรือชวนคนมาโหวต ดังนั้น ผลที่ออกมาไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่ หรือจะให้ประโยชน์หรือให้โทษกับฝ่ายใด ผลที่ออกมาคือเสียงประชาชนที่มาโหวต ที่ทุกฝ่ายมีโอกาสโหวตและชักชวนคนให้มาโหวตได้อย่างเสมอกัน
©2018 CK News. All rights reserved.