เวลา 09.00 น.วันที่ 11 กรกฎาคม ที่กรุงพนมเปญ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร.( PCT) เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้เดินทางมาพร้อมกับคณะของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อร่วมหารือและทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมาทางไซเบอร์ แบบทวิภาคีกับรัฐบาลกัมพูชา รวมทั้งติดตามผลการปฏิบัติการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 แก๊งใหญ่ ผู้ต้องหา 74 คน เพื่อนำตัวไปดำเนินคดียังประเทศไทยต่อไป
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งชุดปฏิบัติการ PCT จำนวนกว่า 20 นาย พร้อมกำลังเข้ามาประสานงานกับตำรวจกับพูชาเพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จนนำไปสู่ปฏิบัติการเข้าตรวจค้นจำนวน 5 จุด คือ
จุดที่ 1 เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.65 ที่เมืองพระสีหนุ โรงแรมจิงเฉิง อาคาร 12 ชั้น ถ.สองธนู
จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 21 หมายจับ ใช้รูปโปรไฟล์คนหน้าตาดีผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่ Tinder หลอกลวงให้หลงรัก และชวนลงทุนใน MetaTrader 5 (ฟอเร็กซ์) หรือซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยจะให้ทำการเทรด การวิเคราะห์ทางเทคนิค ตามคำแนะนำ และชักชวนให้ลงทุนกับโบรกเกอร์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกให้ลงเงินแต่ไม่มีการลงทุนจริง
จุดที่ 2 วันเดียวกัน ที่เมืองพระสีหนุ คาสิโนโป๋ไหล ถ.ปุโลไว 300 ไม่พบผู้ต้องหา
จุดที่ 3 เมื่อวันที่ 6 ก.ค.65 ที่เมืองพระสีหนุ ประตูแดง จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 18 หมายจับ แอบอ้างเป็น สภ.แหลมฉบัง ที่เมืองพระสีหนุ อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล ที่น่าสนใจสามารถจับกุมตัวนายจิรายุ เพิ่มชื่น แอบอ้างเป็น สายที่ 3 ผกก.สภ.แหลมฉบัง ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหาสำคัญในคดี
จุดที่ 4 วันเดียวกัน ที่เมืองพระสีหนุ จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้กู้เงินออนไลน์ สภ.เมืองจันทบุรี ที่เมืองพระสีหนุ จำนวน 10 หมายจับ
จุดที่ 5 วันที่ 7 ก.ค.65 ที่เมืองปอยเปต จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นบริษัทส่งพัสดุ DHL สภ.ท่าใหม่ ที่เมืองปอยเปต จำนวน 25 หมายจับ
รวมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 74 คน โดยขณะเข้าตรวจค้นพบคนไทยกำลังทำงานร่วมกับกลุ่มผู้ต้องหา จึงได้นำตัวออกมาสอบสวนดำเนินคดีอีกจำนวน 15 คน รวมควบคุมตัวทั้งสิ้น 89 คน
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า การจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้ง 4 แก๊งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถานเอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ผู้ช่วยทูตตำรวจ และตำรวจกัมพูชา โดยวันนี้เป็นการเดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาเท่านั้น เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายกัมพูชา เช่นกฎหมายคนเข้าเมือง ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ทางกัมพูชาก็จะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้กับไทย ซึ่งตนและเจ้าหน้าที่ PCT จะเดินทางมารับตัวที่ จ.สระแก้ว เพื่อนำตัวไปสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ที่ผ่านมาเราสามารถออกหมายจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้จำนวน 237 หมายจับ จับกุมได้แล้ว 138 หมาย และอยู่ระหว่างประสานงานติดตามจับกุมอีก 99 หมาย
ผอ.PCT กล่าวว่า การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการหลอกลงทุน (Hybrid Scam) เป็นนโยบายเร่งด่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนอย่างมากในขณะนี้ โดยมอบหมายให้ MDEs และ ตร. ร่วมกันหามาตรการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ ศปอส.ตร. 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com นอกจากนี้ยังได้จัดทำรูปแบบแผนประทุษกรรมของคนร้าย เพื่อให้ประชาชนรับรู้ โดยสามารถเข้าไปติดตามได้ที่ www.pctpr.police.go.th
©2018 CK News. All rights reserved.