วันที่ 12 เมษายน-ที่ สน.ทองหล่อ น.ส.ภัทธีมา โกมลบวรกุล อายุ 37 ปี อาชีพพิธีกร และขายของออนไลน์ เดินทางเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจสน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดยน.ส.ภัทธีมา กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 65 ประมาณ 11.30 น. มีเบอร์แอบอ้างเป็นกงศุลกากร โทรมาบอกว่า มีพัสดุผิดกฎหมาย สิ่งเสพติด บัตรเอทีเอ็ม สมุดบัญชี 15 เล่ม และ พาสปอร์ต 10 เล่ม ส่งไปต่างประเทศ ซึ่งได้รับแจ้งมาจาก สภ.เมืองระนอง เป็นคดีใหญ่มาก เป็นการฟอกเงินระดับประเทศ ถ้าไม่ได้ทำผิดต้องไปให้ปากคำที่ สภ.เมืองระนอง แต่ตนไม่สะดวกเดินทางไป เขาก็อ้างว่าจะโอนสายไปที่ สภ.เมืองระนอง
ต่อมาก็ได้คุยคนที่อ้างเป็นตำรวจ บอกว่า ถ้ายืนยันว่าไม่ทำผิดต้องถูกสอบสวน ด้วยการยืนยันตัวตนผ่านวิดีโอคอล จากนั้นเขาก็แอดไลน์มา รูปเป็นโลโก้ สภ.เมืองระนอง และโทรมาให้เปิดวิดีโอคอล ตอนนั้น ตนเห็นหน้าคนที่อ้างเป็นตำรวจ เพียงแค่แป๊บเดียว และเขาก็รีบปิดกล้อง ตนก็ถามไปว่าทำไมต้องปิดกล้องด้วย เขาก็บอกว่า เป็นผู้ต้องสงสัยไม่มีสิทธิพูดแบบนี้กับตำรวจ พร้อมทั้งขึ้นเสียงใส่ ขู่จะแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท ตนก็เลยเงียบไป
จากนั้น เขาให้กรอกข้อมูลส่วนตัว และทำทีให้สารวัตรสอบสวนไปตรวจสอบ เพื่อยืนยันว่าตนเป็นผู้ต้องสงสัย ตนก็เลยถามไปว่า “จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นตำรวจ” เขาก็ส่งรูปบัตรข้าราชการ พอตนไปเช็คข้อมูลก็พบว่า เป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.เมืองระนอง จริงๆ แล้วเขาก็ยังส่งรูปคนที่แอบอ้างมาให้ ตนก็รู้สึกกังวลและกลัว จึงให้ข้อมูลทุกอย่าง รวมทั้งข้อมูลบัญชีธนาคาร เขาอ้างว่าจำเป็นต้องอายัดเงินเอาไว้ เพื่อพิสูจน์ว่าเงินที่ได้มานั้นบริสุทธิ์ โดยจะนำข้อมูลไปให้กับ ปปง. หลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว จะโอนเงินคืนให้
เมื่อเขาส่งเลขบัญชีมา ตนเห็นว่าบัญชีเป็นชื่อบุคคล เลยเลยถามกลับไปว่า “ทำไมไม่ใช่บัญชีของสำนักงาน” เขาก็อ้างว่า “เป็นคดีที่เป็นความลับ เป็นคดีกับระดับประเทศ ไม่สามารถเปิดเผยได้ อันนี้เป็นบัญชีลับ ของข้าราชการ” ด้วยความที่ตนอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงได้โอนเงินให้หมดทุกบัญชี รวมแล้ว 1 ล้าน โดยโอนไปทั้งหมด 4 ครั้ง พอหลังจากโอนไปแล้ว ตนเข้าไปดูในไลน์ปรากฏว่า คนที่อ้างตัวเป็นตำรวจลบข้อมูลออกทั้งหมด จึงทำให้รู้ว่าถูกหลอก และเดินทางมาแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ
เธอกล่าวว่า กว่าจะเก็บเงินได้ 1 ล้านบาท ก็มาถูกมิจฉาชีพหลอกไป กว่าจะได้มาแต่ละบาท ยากลำบากมาก ตนทำงานสุจริต ทั้งขายของออนไลน์ ทำพิธีกร เป็นเสาหลักของบ้าน
“เมื่อวานนี้ร้องให้ตลอด นอนไม่หลับ รู้สึกเสียใจ เงิน 1 ล้าน ไม่ได้หามาง่ายๆ ตอนนี้เงินหมดทุกบัญชี เครียดมาก คิดว่าจะเอาเงินที่ไหนกินข้าว ตนเข้าใจเลยว่าคน ที่ไม่มีเงินเหลือเลย แม้แต่บาทเดียวในบัญชี มีความรู้สึกยังไง ตอนนี้ก็ทำใจไว้บ้าง ว่าอาจจะไม่ได้เงินคืนมา มันจะเป็นบทเรียนสำคัญ แต่ถ้าได้คืนมาก็รู้สึกดีใจ”
ที่ผ่านมาตนได้ติดตามข่าวบ้าง พอรู้บ้างว่ามิจฉาชีพจะมาในลักษณะไหน แต่เหตุการณ์นี้ ตนเคยเจอมาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีคนแอบอ้าง นำชื่อตนไปใช้ในทางที่ผิด ตนก็เลยคิดว่าครั้งนี้จะเกิดขึ้นอีกแล้ว จึงทำให้เชื่อไปทั้งหมด อยากให้มิจฉาชีพ ทำงานที่สุจริต
©2018 CK News. All rights reserved.