วันที่ 19 มกราคม 2565 มีรายงานข่าวจากคณะผู้ก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดเผยว่า ในการแถลงเปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการวันที่ 19 มกราคม ที่ห้อง World Ballroom ชั้นที่ 23 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะผู้ก่อตั้งจะมาแสดงเจตจำนงร่วมกันในอันที่จะเข้ามาทำงานการเมือง แก้ปัญหาประเทศ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเดินต่อไปได้ และการอาสาเข้ามาทำงานให้ประเทศในครั้งนี้ ยังจะเป็นการตั้งใจที่จะวางรากฐานการพัฒนาให้กับประเทศ ก้าวสู่อนาคต ทั้งนี้ จะมีการแนะนำคณะผู้ก่อตั้งพรรคประมาณ 20 คน ประกอบด้วย ภาคธุรกิจทั้งรุ่นใหญ่ คนรุ่นใหม่ ภาคสังคม วิชาการ และจากภาคการเมือง

การก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย คณะผู้ก่อตั้งมีความต้องการอยากให้เป็นทางเลือกอีกทางของประชาชน เป็นทางเลือกที่ 3 ที่จะเข้ามาดูแล พัฒนาประเทศ ซึ่งมีปัญหาหลายประการน่าห่วง ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จะเป็นทางเลือกที่ 3 ที่ไม่ยืนอยู่ฝั่งซ้าย หรือฝั่งขวา แต่มุ่งเสนอตัว เข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประชาชน โดยการแถลงเปิดตัวต่อสาธารณะครั้งแรกนี้ พรรคจะยังไม่โชว์โครงสร้างที่ประกอบด้วย หัวหน้า เลขาธิการพรรค หรือแม้แต่แคนดิเดตที่จะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งทั่วไป โดยเรื่องดังกล่าวจะดำเนินการตามขั้นตอนเมื่อถึงเวลา และพรรคพร้อมตอบคำถามสื่อมวลชนในเรื่องต่างๆ ที่ต้องการรับรู้

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ย้ำเรื่องความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลหลายครั้ง โดยในช่วงต้นการประชุม ได้กล่าวแสดงความยินดีกับ ส.ส.ใหม่ทั้ง 2 เขต 2 จังหวัด พร้อมระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง แต่สุดท้ายจบก็คือจบ ขอให้ทุกคนรักสามัคคีกัน เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องทำงานร่วมกันต่อไป เหมือนเรื่องที่ผ่านมา อะไรที่มันเล็กน้อยให้มองข้ามไป ทำงานเพื่อประชาชน อย่าให้การเลือกตั้งมาเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้ง ขณะที่ช่วงท้ายของการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวอีกว่า ขอบคุณทุกฝ่าย รัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล พวกเราเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี อะไรหนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน ผมขอละกันในฐานะหัวหน้ารัฐบาล อะไรที่แล้วก็แล้วกันไป ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นการเลือกตั้ง อะไรจบแล้วก็จบ การเลือกตั้งรอบหน้ายังมาไม่ถึง ขอให้ทำงานร่วมกันต่อไป อนาคตจะได้ร่วมงานกันอีกหรือไม่ก็เป็นเรื่องอนาคต