นายกฯ ตั้งเป้า! ฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 70% ทุกจังหวัด ภายใน พ.ย.นี้ วอน! อย่าเอาไปเปรียบเทียบประเทศอื่น


30 ต.ค. 2564, 11:10

นายกฯ ตั้งเป้า!  ฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 70% ทุกจังหวัด ภายใน พ.ย.นี้ วอน! อย่าเอาไปเปรียบเทียบประเทศอื่น




นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า รัฐควรจะฉีดวัคซีนให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยทุกคน เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ และแสดงให้เห็นถึงความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ รวมทั้งต้องมีวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างเพียงพอ และต้องจัดซื้อชุดตรวจโควิด RT-PCR และ ATK ให้กับประชาชนด้วยว่า ขอชี้แจงคุณหญิงสุดารัตน์เพื่อให้รับทราบข้อมูลปัจจุบันว่า การบริหารสถานการณ์โควิด-19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันคิด ร่วมกันทำงาน

โดยกรมควบคุมโรคยืนยันว่า ไทยจะมีวัคซีนทุกเทคโนโลยี ทั้ง Sinovac (เชื้อตาย) AstraZeneca (Viral Vector) Pfizer (mRNA) เฉพาะในส่วนที่เป็นวัคซีนที่รัฐจัดหาในปีนี้จำนวน 128.6 โดส เมื่อรวมกับวัคซีนทางเลือก ได้แก่ Sinopharm และ Moderna จะทำให้มีวัคซีนในประเทศไทยถึง 180.6 ล้านโดส ซึ่งเกินกว่าแผนเดิมที่รัฐบาลกำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขสั่งจองและจัดซื้อวัคซีนไวรัสโควิด-19 ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อครอบคลุมกรณีที่เกิดการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 อีกด้วย



นายธนกร กล่าวต่อว่า สำหรับการฉีดวัคซีนนั้น ปัจจุบันไทยฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 73 ล้านโดส แบ่งเป็น เข็ม 1 จำนวน 41.4 ล้านโดส เข็ม 2 จำนวน 29.8 ล้านโดส และเข็ม 3 จำนวน 2.3 ล้านโดส ครอบคลุมทั้งคนไทย ชาวต่างประเทศ และแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทย โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ ตั้งเป้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ได้อีก 25 ล้านโดส ซึ่งจะครอบคลุมประชากรทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 70 ในทุกจังหวัดอีกด้วย ส่วนการจัดหาและกระจายชุดตรวจเร็ว ATK นั้น รัฐบาลได้มอบหมายให้ สปสช.นำเข้ามาจำนวน 8.5 ล้านชุดเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน กลุ่มเปราะบางทั่วประเทศฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งสามารถลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือรับตรงจากหน่วยบริการใกล้บ้าน หรือผู้นำชุมชนได้

อย่างไรก็ตาม องค์การเภสัชกรรมยังจัดจำหน่ายชุดตรวจเร็ว ATK ในร้านองค์การเภสัชกรรมในราคาชุดละ 40 บาท รวมทั้งปลดล็อกให้มีการจำหน่ายในร้านค้าสะดวกซื้อ และร้านออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับเสียงชื่นชมจากประเทศต่างๆ รวมถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ยกให้ไทยเป็นตัวอย่างการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานทั้งหมดในรัฐบาล และระหว่างทุกภาคส่วนในสังคมทั้งระบบ พร้อมทั้งยังแนะนำทุกประเทศทั่วโลกให้ดูไทยเป็นตัวอย่างอีกด้วย


ผมเข้าใจประสบการณ์ของคุณหญิงสุดารัตน์ แต่ไม่อยากให้นำแนวทางของประเทศอื่นมาเปรียบเทียบกับบริบทของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ท่านนายกฯ ย้ำเสมอว่า งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดต้องใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เป็นประโยชน์อย่างทั่วถึง และเป็นธรรม ดังนั้น การจะนำเงินงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนคนไทย ไปจัดซื้อวัคซีนเพื่อฉีดให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนนั้น ในขณะนี้คงจะยังไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายแรกๆ ของรัฐบาล เพราะท่านนายกฯ อยากให้คนไทยได้รับวัคซีนให้ครบทุกคนก่อน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เข้มแข็ง และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นใจในการท่องเที่ยว รวมถึงการติดต่อเจรจาธุรกิจ และการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในประเทศไทยในท้ายที่สุด











©2018 CK News. All rights reserved.