วันที่ 13 ตุลาคม 2564 มีรายงานว่า วันที่ 14 ตุลาคม เวลา 10.00น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 หรือ (ศบค.) จะเป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หลังจากผ่อนคลายและปรับมาตรการกิจการกิจกรรมต่างๆ มาครบ 14 วัน
โดย ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) จะเสนอให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาผ่อนคลายเพิ่มเติม รวมถึงพิจารณาปรับระดับสีใหม่ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือสีแดงเข้ม เหลือจำนวน 24 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือพื้นที่สีแดง จำนวน 29 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมหรือสีส้ม จำนวน 24 จังหวัด
ซึ่ง ศปก.ศบค.จะเสนอให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณาเกี่ยวกับการเดินทางออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว โดยเสนอให้ขยับเวลาจากเดิม 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เป็น 23.00-03.00น. ของวันรุ่งขึ้น ไปอีก 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-31 ตุลาคม 2564 ส่วนกิจการกิจกรรมในพื้นที่สีแดงเข้มจะเสนอให้ผ่อนคลายและปรับมาตรการคือ ให้สามารถจัดการประชุมรวมถึงงานประเพณีในศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ และสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรมได้ โดยปรับจำนวนการรวมกลุ่มคนตามระดับพื้นที่สี
โดยให้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน พื้นที่ควบคุมสูงสุด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 100 คน พื้นที่ควบคุม ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 200 คน พื้นที่เฝ้าระวังระวังสูง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 300 คน และพื้นที่เฝ้าระวัง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 500 คน รวมถึงให้เปิดสถานดูแลผู้สูงอายุแบบไป-กลับได้ แต่ต้องได้รับการพิจารณาอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ซึ่งกิจการกิจกรรมที่จะปรับมาตรการในครั้งนี้ให้เปิดดำเนินการได้ไม่เกินเวลา 22.00 น.
ทั้งนี้ จะเสนอให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณาแนวทางการเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศแบบไม่ต้องกักตัว โดยจะพิจารณาปัจจัยหลักคือ จำนวนผู้ติดเชื้อของแต่ละประเทศ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอให้ ศบค.พิจารณาสูตรฉีดวัคซีนแบบไขว้ คือฉีดแอสตร้าเซนเนก้าตามด้วยไฟเซอร์
นอกจากนี้ จะมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณามาตรการแนวทางการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในวันที่ 1 พฤศจิกายน รวมถึงความพร้อมด้านต่างๆ ก่อนที่จะอนุญาตเปิดสถานบันเทิงให้ดื่มกินได้วันที่ 1 ธันวาคม โดยข้อเสนอต่างๆ จะชัดเจนอย่างไรให้รอมติที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 14 ตุลาคม
©2018 CK News. All rights reserved.