"เทพไท" ชี้ การเลือกตั้งบัตร 2 ใบ พรรคเพื่อไทยได้เปรียบ จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล


3 ต.ค. 2564, 17:07

"เทพไท" ชี้ การเลือกตั้งบัตร 2 ใบ พรรคเพื่อไทยได้เปรียบ จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล




วันที่ 3 ต.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยใช้บัตร 2 ใบ ระบุว่า 

การเลือกตั้งบัตร 2 ใบ พรรคเพื่อไทย จะเป็นแกนนำรัฐบาลครั้งต่อไป
ถ้าหากจะดูบรรยากาศทางการเมืองในขณะนี้ ก็เริ่มมีกลิ่นไอของการเลือกตั้งโชยมาแล้ว เห็นจากการที่คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีหนังสือถึง หัวหน้าพรรคการเมือง ให้เตรียมพร้อมการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และมีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ในการลงพื้นที่ จัดกิจกรรมเหมือนหาเสียงล่วงหน้า และได้ประกาศตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรค กันอย่างเปิดเผย เช่น พรรคพลังประชารัฐ ที่ประชุมแกนนำพรรค มีมติเสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี อีกสมัยหนึ่ง พรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ก็ได้ประกาศตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ประกาศว่า พรรคมีความพร้อมที่จะเสนอ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปเช่นกัน รวมถึงพรรคก้าวไกล ที่ประกาศว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คือว่าที่นายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนรุ่นใหม่ คงเหลือแต่พรรคเพื่อไทย ที่ยังไม่มีความชัดเจน ในเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเท่านั้น แต่ก็พอจะเห็นตัวบุคคล หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในอนาคตได้ระดับหนึ่งแล้ว



ถ้าการเลือกตั้งครั้งต่อไป ภายใต้เงื่อนไขระบบการเลือกตั้ง แบบใช้บัตร 2 ใบ ซึ่งเป็นกติกาที่ทำให้พรรคเพื่อไทย ได้เปรียบกว่าพรรคการเมืองอื่น จะมีจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ไม่มีเลย ก็พอจะเห็นแนวโน้มของพรรคการเมือง ในการจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างชัดว่า พรรคเพื่อไทย จะมีที่นั่ง ส.ส. จำนวนมากที่สุด เมื่อรวมกับจำนวน ส.ส. จากพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม เช่น พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ ก็น่าจะได้เสียงมากกว่า กลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน เพราะฐานเสียงของพรรคพลังประชารัฐ กับพรรคประชาธิปัตย์ มีความซ้ำซ้อนกัน ต้องแย่งชิงแข่งขันกันเอง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีจำนวน ส.ส.เพียง 54 คนในขณะที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นพื้นที่มี ส.ส.มากที่สุด พรรคเพื่อไทยก็จะกวาด ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสาน ได้มากกว่าพรรคการเมืองอื่น ส่วนพื้นที่กรุงเทพ ก็จะเป็นการแย่งชิงกัน ระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย และพรรคไทยสร้างไทยเท่านั้น


เพราะฉะนั้นแนวโน้มผลการเลือกตั้งในครั้งหน้า มีความเป็นไปได้สูงว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่จะมีปัญหาอยู่ที่เสียงของ ส.ว. 250 คน จะเป็นอุปสรรคตอนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าหากกลุ่มพรรรร่วมฝ่ายค้านเดิมจับมือกันเหนียวแน่น ก็ยากที่จะต้านทานได้ ส่วนขั้วรัฐบาลเดิม หากจะจับมือเป็นรัฐบาลต่อไป แม้ว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.จำนวน 250 คนก็ตาม ก็จะเป็นได้แค่รัฐบาลเสียงข้างน้อยเท่านั้น ในเกมการเมืองเช่นนี้ พรรคภูมิใจไทย จะเป็นพรรคตัวแปรที่สำคัญ 

การที่พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.จำนวนหนึ่ง เห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เป็นการยื่นดาบให้ศัตรูโดยแท้ ถ้าหากผลการเลือกตั้งพ่ายแพ้ให้แก่ พรรคเพื่อไทยอย่างหลุดลุ่ย ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะโทษใครไม่ได้ ก็ต้องโทษตัวเองเท่านั้น

 

เครดิต : เทพไท เสนพงศ์


คำที่เกี่ยวข้อง : #เทพไท เสนพงศ์   #พรรคเพื่อไทย  









©2018 CK News. All rights reserved.