วันที่ 14 ก.ย. 64 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ททท.จะนำเสนอแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว ให้ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบ เพื่อเดินหน้าตามแผนที่จะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นการเปิดเพิ่ม 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี (พัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ) เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่แตง อ.แม่ริม อ.ดอยเต่า) เพชรบุรี (ชะอำ) และประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) ตามแผนการเปิดประเทศระยะที่ 2 เพื่อให้มีหลักการปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด หรือ One SOP One System ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนดำเนินงานที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ และอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ โดยการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้เน้นเฉพาะผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมีผลเป็นลบในการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี RT-PCR หรือไม่พบเชื้อเท่านั้น จึงจะสามารถท่องเที่ยวได้แบบไม่ต้องถูกกักตัว ในรูปแบบการกำหนดพื้นที่ท่องเที่ยวเฉพาะ (ซีลแอเรีย) เหมือนกับภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วจังหวัดภูเก็ต แต่ต้องอยู่ในพื้นที่และห้ามออกนอกจังหวัดภูเก็ตเท่านั้น
สาเหตุที่ต้องปรับรูปแบบการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นรูปแบบซีลแอเรีย จากเดิมที่ใช้รูปแบบซีลรูท หรือการกำหนดเส้นทางท่องเที่ยวเฉพาะ อาทิ ใน 3 วันแรกของโครงการสมุย พลัส โมเดล กำหนดให้เที่ยวในซีลรูทเท่านั้น แม้ผลตรวจจะออกมาไม่พบเชื้อโควิด โดยจะต้องรอให้ครบ 3 วันก่อน จึงจะสามารถเที่ยวได้ทั่วเกาะสมุย และต้องครบ 7 วัน จึงจะสามารถข้ามไปเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนำร่องอื่นๆ ได้ ทำให้ ททท.ทำการตลาดยาก จึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ จึงจะเสนอที่ประชุมศบศ. เพื่อปรับรูปแบบโครงการให้เป็นการเที่ยวแบบไม่กักตัว แต่กำหนดให้อยู่ในพื้นที่ที่จำกัดไว้เท่านั้น เป็นการซีลแอเรียให้ โดยจะเปลี่ยนชื่อเป็นจากสมุยพลัสโมเดล เป็นสมุย พลัส แซนด์บ๊อกซ์ แทน เพราะรูปแบบการรับนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป แต่ยังรวม 3 พื้นที่ในการรับต่างชาติตามเดิม ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า
สำหรับความคืบหน้าพื้นที่จังหวัดอื่นๆ นั้น ได้มีการหารือถึงแผนดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ ในวันที่ 14 กันยายนนี้ ททท.จะหารือกับจังหวัดเชียงใหม่ ในการทำขั้นตอนปฏิบัติมาตรฐาน (เอสโอพี) ซึ่งเดิมเชียงใหม่ได้ทำเอสโอพี กำหนดรูปแบบการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นการเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ และเที่ยวอยู่ในเส้นทางซีลรูทเท่านั้น โดยจัดทำไว้ทั้งหมด 14 เส้นทาง ซึ่งจะต้องปรับใหม่เป็นการเที่ยวแบบอิสระ แต่อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดหรือซีลแอเรียแทน รวมถึงในวันที่ 15 กันยายนนี้ ททท.จะหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ถึงความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งกรณีของกรุงเทพมหานคร มีการฉีดวัคซีนเกิน 70% ของประชากรแล้ว แต่มีกรณีการเชื่อมต่อจังหวัดปริมณฑล ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ ซึ่งความสำคัญคือ การฉีดวัคซีนให้ครบ 70% รวมถึในปริมณฑลด้วย จึงต้องมาสรุปกันว่า จะสามารถเปิดได้ตามแผนในเดือนตุลาคมนี้ หรือไม่ ซึ่งยังต้องหารือเพื่อความชัดเจนต่อไป
©2018 CK News. All rights reserved.