วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 17.30 น. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ อ.รัชฎาภรณ์ แก้วสนิท นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ นำทีมพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยที่เวที ณ ศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี ร.ศ.130 (ริมเขื่อน) พร้อมแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.สิงห์บุรี คือ นายสาโรจน์ พันธาสุ เบอร์ 15 โดยในช่วงเวลา 15.00 น. ได้เปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ สาขาจังหวัดสิงห์บุรี ที่บริเวณตลาดเจ๊เอ็ง ม.5 ต.ต้นโพธิ์ อ.เมืองสิงห์บุรี และหลังจากนั้นได้ขึ้นรถปราศรัยพบปะพี่น้องประชาชนในเขตอำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอบางระจัน จ.สิงห์บุรี
นายอลงกรณ์ ได้พูดถึงนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ คือ “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” และ “ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต” โดยผนึกพลัง 14 เขตเลือกตั้ง 6 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจของภาคกลาง เชื่อมโยงภูมิภาคอื่นๆ ของไทย และต่างประเทศทั่วโลก บนวิสัยทัศน์ใหม่ที่เรียกว่า “ปฏิญญาลุ่มน้ำเจ้าพระยา” ภายใต้ 6 วิสัยทัศน์ ซึ่งประกอบด้วย 1.การเมืองสุจริต 2.เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (มรดกโลกการท่องเที่ยว-อุตสาหกรรมสีขาว) 3.สังคมปลอดภัย ไร้ยาเสพติด 4.ศูนย์กลางอาหารโลก (ทองคำขาว) 5.เชื่อมเจ้าพระยาเชื่อมไทยเชื่อมโลก (โลจิสติกส์เชื่อมโยงรถเรือราง) 6.เจ้าพระยาสายใหม่ หยุดท่วมหยุดแล้ง คู่ขนานถนนวงแหวนเกิดเขตเศรษฐกิจและการพัฒนาใหม่ สร้างงานสร้างอาชีพ สร้างธุรกิจฐานใหม่
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า หวังปักธงสีฟ้าประชาธิปัตย์ในจังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอื่นๆ ในกลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเพิ่มมากขึ้นจากการลงพื้นที่ นับว่าเป็นเวลา 8 ปีแล้วที่ไม่ได้มีการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นการเลือกตั้งที่จะพลิกประวัติศาสตร์ของประเทศไทยให้เดินไปข้างหน้าได้ พรรคประชาธิปัตย์มั่นใจว่าจะได้เสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ถึง 125 เสียง เพื่อจะได้นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะร่วมกันสร้างจุดเปลี่ยนของประเทศ ด้วยการสร้างการเมืองใหม่ที่สุจริต ก้าวข้ามความแตกแยก ความขัดแย้ง และนำประเทศเดินไปข้างหน้าด้วยศักยภาพใหม่วิสัยทัศน์ใน 6 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา จึงฝากชาวจังหวัดสิงห์บุรี เลือกนายสาโรจน์ พันธาสุ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 สิงห์บุรี เพื่อเป็นการสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
©2018 CK News. All rights reserved.