เมื่อเวลา 08.25 น. วันที่ 7 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี บริษัท ไทยคม จํากัด (มหาชน) จะหมดสัญญาสัมปทานดาวเทียมในวันที่ 10 กันยายนนี้ ว่า เป็นเรื่องที่เป็นปัญหามาตั้งแต่ในอดีต ที่เกี่ยวกับสัดส่วนของผู้ถือหุ้น บริษัทไทยคม ซึ่งเดิมเป็นของบริษัทชินวัตร ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็น บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่าเป็นเรื่องในอดีตไม่มีอะไร เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ครบถ้วนตามกระบวนการ
เมื่อถามถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ร้องเรียนให้ตรวจสอบการส่งมอบดาวเทียม และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตต่อหน้าที่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องไทยคมเป็นปัญหามหากาพย์ ตั้งแต่รัฐบาลในอดีตกว่า 30 ปีมาแล้ว บางเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลปัจจุบัน การจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่ จะต้องเป็นสิ่งที่มีผู้ร้องเรียน ซึ่งจะมีการกระทบต่ออดีตเยอะ มีหลายเรื่องเก่าๆ ที่เราไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว เพราะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ตอนนี้เราต้องมามองว่าจะทำอย่างไรให้ดาวเทียมสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ดีกว่า อย่าให้มีความเสียหายต่อบ้านเมือง ต้องทำทุกอย่างให้ถูกกฎหมาย ไม่มีการทุจริต
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ถ้าหมดสัญญา ก็ต้องหมดสัญญา แต่ตัวดาวเทียมรัฐก็ดำเนินการต่อในนามของรัฐบาล ซึ่งหัวใจสำคัญก็คือจะต้องดำเนินการไม่ให้สะดุดและกระทบต่อประชาชน โดยจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย และไม่ให้เกิดการทุจริต เป็นเป้าหมายที่จะต้องดำเนินการให้สำเร็จ ส่วนนพ.วรงค์ หรือผู้ที่เห็นต่างนั้น อาจจะได้ข้อมูลมาจากในอดีตว่าอย่างไรตนก็จะนำไปตรวจสอบ ต้องยอมรับว่าตนเพิ่งจะได้เข้ามารับตำแหน่งไม่นานก็จะมีเรื่องเก่าๆ หลายเรื่องซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลในอดีตได้ทำไปแล้ว และได้จบไปแล้ว บางทีการมารื้อฟื้นก็ทำได้ยากเหมือนกัน ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลปัจจุบันด้วย บางเรื่องเป็นเรื่องที่รัฐบาลในอดีตไปผูกเงื่อนไว้ การมาแก้ไขก็ต้องค่อยๆ ทำ คงไม่ถูกใจทุกคน แต่ก็จะค่อยๆ ชี้แจงโดยตั้งแต่ตนมารับตำแหน่ง ก็ตรวจสอบมาตลอด ดูทุกอย่างในรายละเอียด โดยแนวทางที่เรากำลังทำอยู่ก็เป็นแนวทางที่ดีที่สุดแล้ว
©2018 CK News. All rights reserved.