วันที่ 31 ส.ค. 64 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการกำกับดูแลชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง (เอทีเค) ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายอย่างเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร เอาเปรียบประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ค้าเอทีเค และยาฟ้าทะลายโจรในการราคาสูงเกินสมควรหลายสิบราย
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการพิจารณาการจำหน่ายชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรคโควิด-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (เอทีเค) ที่เป็นธรรม ที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และมีกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) องค์การเภสัชกรรม กรมการค้าภายใน กรมศุลกากร และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น อยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์ราคา รวมทั้งพิจารณาแนะนำการกำกับดูแลเกี่ยวกับราคาเอทีเค เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน ซึ่งจากการติดตามล่าสุด พบว่า ราคาขายในท้องตลาดลดลงอย่างต่อเนื่อง 10-20% และมีแนวโน้มลดลงอีก เพราะมีผู้จำหน่ายเพิ่มขึ้น
ขณะที่กรมการค้าภายในรายงานว่า ณ วันที่ 26 ส.ค.64 ผู้ประกอบการเอทีเค ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ อย. มี 40 ราย แบ่งเป็นผู้นำเข้า 39 ราย และผู้ผลิตในประเทศ 1 ราย รวม 43 ผลิตภัณฑ์ และจากการที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่มีรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน มีมาตรการให้ผู้ประกอบการแจ้งต้นทุนราคาเอทีเคมาที่กรมการค้าภายในนั้น ณ วันที่ 26 ส.ค.64 แจ้งมาแล้ว 37 ราย มีหนังสือขอผ่อนผันการจัดส่งข้อมูลมาให้วันที่ 28 ส.ค.64 จำนวน 1 ราย และอยู่ระหว่างจัดส่งข้อมูล 2 ราย เพราะเพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. วันที่ 26 ส.ค.64 ขณะที่มีการนำเข้ามาและจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว 27 ราย
สำหรับราคาขายในท้องตลาด ขณะนี้ ลดลงอย่างต่อเนื่อง 10-20% และมีแนวโน้มลดลงได้อีก เพราะมีจำนวนผู้จำหน่ายในตลาดเพิ่มขึ้นมาก จากในช่วงแรกๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขอนุมัติให้ขายเอทีเคในร้านขายยาได้ ทำให้ในช่วงปลายเดือนก.ค.64 มีผู้ขายในท้องตลาดไม่ถึงสิบราย และราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ชุดละ 250-350 บาท และหากในระยะต่อไป มีผู้ค้าเข้าสู่ตลาดมากกว่านี้ ราคาก็จะลดลงได้อีก ประกอบกับ หากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นำเข้าเอทีเค 8.5 ล้านชุดมาแจกฟรีให้กับประชาชนได้แล้ว ราคาจะลดลงได้อีกเช่นกัน
ขณะที่ยาฟ้าทะลายโจรนั้น ได้เผยแพร่ข้อมูลราคาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาขายของแต่ละราย ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 28 ส.ค.64 มีรายชื่อผู้ผลิต 83 ราย 93 ผลิตภัณฑ์ โดยกรมได้ขอความร่วมมือห้างค้าปลีกค้าส่ง และแพลตฟอร์ม เช่น Facebook , LINE, Shopee, Lazada ฯลฯ ให้จำหน่ายในราคาตรงตามที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ รวมทั้งร่วมมือกับอย.ติดตามตรวจสอบการจำหน่ายของร้านขายยา และการจำหน่ายออนไลน์ หากพบผู้ค้าขายแพงเกินสมควร หรือมีการกักตุน มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี หรือปรับสูงสุด 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ได้ดำเนินคดีกับผู้ค้าทั้งยาฟ้าทะลายโจร และเอทีเคแล้วหลายราย แบ่งเป็น ยาฟ้าทะลายโจร พบค้ากำไรเกินควร 21 ราย ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว 19 ราย และอีก 2 รายอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ส่วนเอทีเค พบค้ากำไรเกินควร 5 ราย ซึ่งแจ้งความดำเนินคดีแล้ว 2 ราย และอีก 1 รายอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน
©2018 CK News. All rights reserved.