วันที่ 2 ส.ค. 64 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันที่พบยอดผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องนั้น เบื้องต้นประเมินว่า หากภายในเดือนสิงหาคมนี้ ยังพบตัวเลขผู้ติดเชื้อทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง และไม่มีแนวโน้มควบคุมได้ ทำให้การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในพื้นที่นำร่องอื่นๆ ที่เหลือ อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ประจวบคิรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี และบุรีรัมย์ ตามแผนเดิม ไม่สามารถเปิดได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2564 เข้ามาเที่ยวไทยแค่ 5-7 แสนคนเท่านั้น จากเดิมที่คาดว่าจะมีเข้ามากว่า 3 ล้านคน ซึ่งประเมินจากการเปิดพื้นที่รับต่างชาติได้ครบ 10 จังหวัดนำร่องที่กำหนดไว้ในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทย หรือการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ หากโควิดยังแพร่ระบาดอยู่แบบนี้ อย่างไรก็ไม่มีทางกลับมาเริ่มต้นเดินทางใหม่ได้แน่นอน
สำหรับการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุย พลัส โมเดล ยังเดินหน้าต่อตามปกติ แต่เพิ่มมาตรการควบคุมการระบาดที่ยกระดับเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 จังหวัด อยู่ในพื้นที่ควบคุม (พื้นที่สีส้ม) ตามมติของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยได้เพิ่มมาตรการควบคุมต่างๆ อาทิ จังหวัดภูเก็ต ได้งดให้คนต่างจังหวัดเดินทางเข้าพื้นที่หากไม่มีความจำเป็นจริงๆ การห้ามรวมกลุ่มทำกิจกรรมเกิน 100 คน
รวมถึงผู้ที่จะเดินทางเข้าจังหวัด ต้องแสดงหลักฐานผลการฉีดวัคซีนครบโดส และแสดงผลการตรวจหาเชื้อ ทั้งการตรวจแบบ RT-PCR หรือแอนติเจน เทส คิส (Antigen Rapid Test) ที่ยืนยันผลเป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมงด้วย โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ครบ 14 วันแล้ว สามารถเดินทางไปเที่ยวในพื้นที่อื่นๆ ต่อได้ อาทิ เกาะสมุย แต่หากจะกลับเข้าภูเก็ตอีกรอบเพื่อเที่ยวต่อนั้น ไม่สามารถทำได้ ยกเว้นกรณีจะต้องเดินทางกลับประเทศต้นทางผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตเท่านั้น
แต่เดิมได้ตั้งเป้าหมายทั้งไตรมาส 3/2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จำนวน 1 แสนคน ซึ่งขณะนี้ยังยืนยันตามเป้าหมายเดิม แม้การจองห้องพักล่วงหน้าในเดือนสิงหาคม จะชะลอตัวลง เทียบกับเดือนกรกฎาคม จึงมองว่าหากในเดือนสิงหาคม โควิดยังคงระบาดหนักแบบนี้ เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 แสนคน ก็ไม่น่าไปถึง
สำหรับรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวข้ามเกาะ (Island Hopping) ภายใต้สูตร 7+7 ที่เป็นการปรับรูปแบบให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ครบ 7 วัน และได้รับการตรวจหาเชื้อครบ 2 ครั้งแล้ว สามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่าง จ.ภูเก็ต กับพื้นที่นำร่องอื่น 3 พื้นที่ ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า), จ.กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล) และ จ.พังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่) และต้องเดินทางท่องเที่ยวและพักค้างคืนในพื้นที่นำร่องต่างๆ ให้ครบ 7 วันเพิ่มเติม
หลังจากนั้นจึงจะสามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ เพื่อท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศไทย โดยเดิมกำหนดเริ่มต้นในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ แต่ขณะนี้จำเป็นต้องชะลอไปก่อน เนื่องจากยังไม่ผ่านการพิจารณาจากศบค. รวมถึงขอประเมินสถานการณ์หลังจากยกระดับใช้มาตรการเข้มข้นเพื่อคุมการระบาดโควิด หลังจากวันที่ 16 สิงหาคมนี้ก่อน
©2018 CK News. All rights reserved.