วันที่ 17 ก.ค. ที่บริเวณลานด้านหน้า ห้างแม็คโครสาขาสามเสน ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอแนวทางขององค์การเภสัชเรื่อง rappid test ว่าให้จัดการเรื่องการสั่งซื้อ นำเข้าเพื่อที่กำหนดราคา ความคืบหน้าในส่วนนี้ให้เวลาองค์การเภสัชเท่าไร เพราะยอดคนติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นและต้องการใช้ rappid test ว่า สิ่งที่ตนได้แนะนำไปแล้วและเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี คือ ตนสนับสนุนที่จะให้องค์การเภสัชกรรมนำเข้า rappid antigen test ให้มากและเร็วที่สุด หากจำเป็นต้องจำหน่ายก็ขอให้จำหน่ายในราคาต้นทุนหรือราคาถูกที่สุด ส่วนสปสช.ในส่วนนี้มีงบประมาณอยู่แล้วและอยากให้เร่งนำเข้าเพื่อมาแจกจ่ายให้กับประชาชน หากเป็นเช่นนี้จะมีส่วนช่วยให้คัดกรองเบื้องต้นเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนภาคเอกชนที่จะนำเข้ามา ขณะนี้จะต้องไปยื่นเรื่องกับองค์การอาหารและยา (อย.) โดยอย.จะผู้พิจารณาเบื้องต้นว่า จะอนุญาตให้รายใดนำเข้าได้โดยตรวจสอบจากคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งอาจจะมีหลายมาตรฐาน หลายคุณภาพที่มีความแตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญที่ควรทำก่อนจะพิจารณาว่า จะคุมราคาเป็นเท่าไหร่นั้น ต้องให้กระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะ อย.เป็นผู้ริเริ่ม
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ควรจะส่งเสริมให้เอกชนนำเข้าให้ได้มากที่สุด สิ่งที่ตนอยากเห็นคือ rappid test กระจายไปสู่ตลาดและถึงมือประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการคัดกรองเบื้องต้นได้ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่สำคัญก่อนที่จะมีการไปคุมราคา เพราะหากเข้ามาหลายเจ้าอาจจะมีการแข่งขันกัน และหากเราดูร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขแล้วเห็นว่าราคาไม่ได้สูงเกินความเหมาะสม สิ่งนั้นก็จะเป็นจุดที่ไม่จำเป็นต้องไปแทรกแซงตลาด เพราะมีการขายในราคาที่เหมาะสมอยู่แล้ว ทั้งนี้ต้องเร่งส่งเสริม อนุญาตให้เขานำเข้ามากที่สุด หากเขามีมาตรฐาน สำหรับกรณีที่มีการขายในช่องทางออนไลน์นั้นถือว่าขายผิดประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เพราะกระทรวงสาธารณสุขไม่อนุญาตให้ไปจำนวนในช่องทางออนไลน์ ซึ่งหากใช้ส่วนบุคคลจะอนุญาตให้ขายเฉพาะในร้านขายยาที่มีเภสัชกร โดยกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ที่ต้องไปบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดต่อไป เพราะไม่ทราบว่าคุณภาพมาตรฐานนั้นเป็นเช่นไร เรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์ก็ตอบไม่ได้
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงการส่งออกในอนาคตที่อาจจะมีผลกระทบหากมีการล็อกดาวน์เพิ่มขึ้นด้วย ว่า สิ่งที่ได้ประชุมระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนทุกองค์กรเมื่อวานนี้ (16 กรกฎาคม) สิ่งที่อยากเห็น หากเป็นไปได้ อยากให้ศบค. เร่งจัดสรรวัคซีนให้แรงงานที่ทำงานในโรงงานที่ทำสินค้าส่งออกโดยเฉพาะอาหาร ให้เร็วและมากที่สุดทั้งนี้เพื่อให้ต่างชาติได้เกิดความมั่นใจ ซึ่งในขณะนี้เขาก็มั่นใจและไม่ได้สงสัย เพียงแต่เป็นหน้าที่เราที่ต้องสร้างความปลอดภัยให้ได้มากที่สุด หากเป็นเช่นนี้ได้ตัวเลขส่งออกก็ยังสามารถเดินได้ เพราะอาหารไทยยังเป็นพระเอกสำคัญที่ทำตัวเลขส่งออกในขณะนี้
©2018 CK News. All rights reserved.