การพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 13 ฉบับ ในการประชุมร่วมรัฐสภา โดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอ 1 ฉบับ พรรคร่วมฝ่ายค้าน 4 ฉบับ และพรรคร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา 8 ฉบับ จะมีการอภิปรายเป็นวันที่ 2 ก่อนจะมีการลงมติโหวตวาระแรกรับหลักการในวันนี้นั้น

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน เมื่อเข้าสู่วาระการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในฐานะผู้เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม อภิปรายว่า ร่างที่พรรค พปชร.เสนอ แสดงถึงความจริงใจในการแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง เพื่อให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้จงได้ เพื่อให้เห็นว่าพรรค พปชร.และ ส.ว.ที่มักถูกกล่าวหาว่าร่วมกันขัดขวางและล้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่เป็นความจริง พรรค พปชร.หวังเปลี่ยนเป็นผู้นำในการแก้ไข หากประเด็นที่แก้ไขเพื่อประโยชน์ประชาชน ไม่สร้างความขัดแย้ง และไม่เป็นภาระงบประมาณแผ่นดิน มั่นใจว่าสมาชิกรัฐสภา ทั้งซีก ส.ส.และ ส.ว.น่าจะช่วยกันสนับสนุนให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 13 ฉบับ สำเร็จลุล่วงได้

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายเสนอหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคว่า กล่าวสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับว่า อย่างน้อยถ้าต้องเลือกสักมาตราหนึ่งก่อน ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเลือกมาตรา 256 เพราะมาตรา 256 คือ กุญแจดอกใหญ่ที่คล้องประตูประชาธิปไตยไว้ไม่ให้เปิดออก การแก้มาตรา 256 จะเป็นการสะเดาะกุญแจเพื่อเปิดประตูไปสู่ประชาธิปไตยในอนาคตได้ ส่วนการแก้ไขระบบเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ เหตุผลไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใด แต่เพื่อให้ประชนสามารถเลือกคน และเลือกพรรคได้ ไม่ต้องถูกบังคับแบบบัตรใบเดียว ระบบบัตรสองใบจะทำให้ระบบรัฐสภา และพรรคการเมืองเข้มแข็งขึ้น เพราะบัตรสองใบไม่เป็นเบี้ยหัวแตก

ต่อมานายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค พปชร. เหมือนเป็นบทใหม่ของแผนกินรวบประเทศสืบทอดอำนาจเผด็จการ ที่ผ่านมาเราพยายามหยุดยั้งกระบวนการเหล่านั้น ด้วยการเสนอแก้ไขมาตรา 256 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ แต่ถูกหยุดยั้งด้วย ส.ส.พรรค พปชร. วันนี้ที่เสนอแก้ไขแค่บางมาตราที่หมดประโยชน์ แต่มาตราไหนเป็นประโยชน์ พรรค พปชร.เดินหน้าแผนกินรวบต่อทันที พรรค พปชร.ไม่ใช่แค่พรรคการเมืองหนึ่ง แต่ยังเป็นแม่น้ำสายหนึ่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อขยับเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ แม่น้ำสายอื่นๆ ก็เตรียมขยับเพื่อเข้าสู่บทใหม่ในการสืบทอดอำนาจด้วย เวลานี้พรรค ก.ก.เห็นว่าประเด็นที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุด คือการยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ ตามมาตรา 272 ต้องยอมรับความจริงว่า ส.ว.คือกลไกสืบทอดอำนาจของระบอบประยุทธ์ ถือเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ประชาชนปรารถนา มาตรา 272 เป็นการแช่แข็งประเทศไม่ให้เดินไปข้างหน้า จนประชาชนนึกไม่ออกว่าแบบนี้จะมี ส.ว.ไว้ทำไม

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพปชร. ว่ายืนยันไม่แก้มาตรา 144, มาตรา 185 ไม่แก้แน่นอน

ส่วนนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 144 และ มาตรา 185 เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวได้วางหลักการสำคัญ ห้ามมิให้ ส.ส.และ ส.ว. เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการหรือจำนวนในรายการของงบประมาณรายจ่ายประจำปี แต่สามารถลดหรือตัดทอนรายจ่ายได้เท่านั้น ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐธรรมนูญ 2560 ในส่วนของมาตรา 185 ที่ระบุว่า ส.ส.หรือ ส.ว.ต้องไม่ใช้สถานะหรือตําแหน่งกระทําการใดๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมนั้น นายกฯเห็นว่าเป็นหลักการที่ถูกต้องแล้ว