วันที่ 23 มิถุนายน 2564 ดร.เคท โอไบรอัน หัวหน้าฝ่ายวัคซีนขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับอนุมัติใช้เพื่อกรณีฉุกเฉินทั่วโลกในขณะนี้  ได้ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของมนุษย์ ในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยวิธีการผลิตแอนติบอดีแตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าหากยึดตามพื้นฐานการทำงานของวัคซีน คิดว่า การใช้วัคซีนต่างชนิดกันได้ผลต่อการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19  โดยระบุว่า 

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ กำลังทดสอบการใช้วัคซีนป้องกันแบบ 2 โดสคนละชนิดกัน โดยทดสอบระหว่างวัคซีน ที่ผลิตโดยบริษัท แอสตราเซนเนกา, โมเดอร์นา, โนวาแวกซ์ และไฟเซอร์-ไบออนเทค อีกทั้งยังมีการทดสอบแบบเดียวกันในกลุ่มทดลองขนาดเล็กในประเทศสเปน และเยอรมนี  

อย่างไรก็ตาม แม้มีแนวโน้มว่า การฉีดวัคซีนแบบ 2 โดสต่างยี่ห้อกัน จะมีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แต่นักวิจัยชาติตะวันตก ยังคงจะรวบรวมข้อมูลในการวิจัยเพื่อให้แน่ใจมากขึ้น 

ด้านโลเลนซ์ ยัง นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยวอลวิคของอังกฤษ กล่าวว่า การมิกซ์แอนด์แมทช์วัคซีนประเภทต่างๆ มักจะสร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งขึ้น 

หลังจากที่วัคซีนแอสตราเซนเนกาถูกเชื่อมโยงกับอาการลิ่มเลือด ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ฉีดวัคซีนในประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และสเปน จึงแนะนำให้ผู้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นเข็มแรกแล้ว รับวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นาเป็นเข็มที่ 2 แทน 

โดยในอังกฤษและแคนาดา เจ้าหน้าที่แนะนำให้ประชาชนควร ฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันทั้ง 2 โดส ในกรณีที่ฉีดแอสตราเซนเนกาเป็นเข็มแรกแล้ว ควรฉีดวัคซีนชนิดอื่น ก็ต่อเมื่อมีประวัติเกิดลิ่มเลือดอุดตันหรืออาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ ที่อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดลิ่มเลือดอุดตันสูงขึ้น