ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า หลังมีการโพสเฟซบุ๊คส่วนตัวชื่อ Chan Chanjao ของ น.ส.จันทิมา อณะสุวรรณ อายุ 40 ปี อดีตผู้สื่อข่าวท้องถิ่น จ.ตรัง ถึงการประสบนาทีชีวิตที่ได้เข้าไปพูดคุย และปลอยโยน น.ส.สุ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ที่กำลังอุ้มลูกชายตัวน้อยวัยแค่ขวบเศษ คิดกระโดดสะพานลอย ที่บริเวณ ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง เพื่อหวังฆ่าตัวตาย เพื่อหนีปัญหาชีวิตรักที่อาภัพ หลังทะเลาะกับสามีอย่างรุนแรง และน.ส.จันทิมา ได้เข้าพบเห็นเหตุการณ์พอดี ก่อนเข้าไปพูดคุยปลอบโยน จนหญิงรายนี้เลิกคิดสั้น ทำให้เกิดกระแสชื่นชมในโลกโซเชียลถึงการกระทำดังกล่าว
โดย น.ส.จันทิมา ได้โพสข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า "เรื่องเล่าตอนเช้าวันนี้ (10 ก.พ.62) ขณะลงพื้น ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง ประสบเหตุพอดี พบสาววัย 26 ปี คิดกระโดดสะพานลอย ฆ่าตัวตายพร้อมอุ้มลูกชายอายุขวบเศษ ด้วยสภาพจิตใจย่ำแย่ เราจึงเข้าพูดคุย ปลอบโยนจนทราบว่า หญิงสาวคนนี้คิดฆ่าตัวตายมีปัญหากับสามี ตัดสินใจหนีปัญหาด้วยการคิดสั้น หลังใช้เวลาพูดคุยสักพัก จิตสงบลง สติดีขึ้น
เราก็พาขึ้นรถตระเวนไปตามที่ต่างๆ ด้วยกัน ทำให้เห็นเรื่องราวของชีวิตผู้ที่เกิดมาล้วนมีกรรมเป็นของตัวเอง มีชีวิต รัก โลภ โกรธ หลง ตามธรรมชาติของสิ่งมีขีวิต จนทำให้หญิงสาวคนนี้คิดได้ และได้สัญญากันว่าจะไม่ฆ่าตัวตายอีกต่อไป จะแก้ปัญหาด้วยสติ เราจึงส่งกลับบ้านไปอย่างปลอดภัย # ด้วยสัญชาติญาณ คนธรรมดา ไม่ใช่นารีขี่ม้าขาว #
ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยัง น.ส.จันทิมา เพื่อขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิด โดยกล่าวว่า ขณะที่ตนเองลงพื้นที่เพื่อไปพบกับพี่น้องประชาชน ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรครวมพลังประชาชาติไทย หมายเลข 22 ในพื้นที่ ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง ก็เห็นบังเอิญหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่ศาลาริมทาง สีหน้ามีความเครียดอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยตนเองเป็นอดีตผู้สื่อข่าว ซึ่งเป็นคนช่างสังเกตุ และค่อนข้างไวกับความรู้สึกของคน ก็จอดรถและลงไปถามไถ่พูดคุยดู ทำให้ทราบว่าหญิงสาวผู้นี้กำลังคิดฆ่าตัวตาย โดยก่อนหน้านี้คิดจะกระโดดน้ำตาย แต่ด้วยจิตที่กำลังสับสนสิ้นคิด ด้วยปัญหาที่รุ่มเร้าจนยากจะแก้ไข และหาทางออกไม่ได้ในขณะนั้น จึงเตรียมที่จะกระโดดสะพานลอยเพื่อดับชีวิตตัวเอง พร้อมลูกน้อยที่กำลังนอนดื่มนมอยู่ในตักผู้เป็นแม่ อย่างไม่รู้อิโน่อิเน่
"ความรู้สึกตอนนั้น คือ เสียวสันหลังวาบ และขนลุกขึ้นมาทันที รู้สึกเห็นใจและเข้าใจหญิงสาวผู้นี้เป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ปากก็พยายามพูดถ้อยคำที่เตือนสติน้องคนนั้น เท่าที่คิดได้ ณ ตอนนั้น จิตก็พยายามนึกถึงพ่อแม่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือ ขอให้ดลจิตดลใจให้เธอเปลี่ยนใจ และมีสติให้มากกว่านี้ จนใช้เวลาอยู่สักพัก น้องเขาก็มีสติขึ้น สีหน้าดีขึ้น
ตนเองก็ชวนน้องไปขึ้นรถไปด้วยกัน ตระเวนไปตามชุมชน พื้นที่ตามภาระกิจที่วางไว้ และพยายามพูด และเล่าเรื่องราวต่างๆ จากประสบการณ์ของตัวเองบ้าง จากคนรอบข้างบ้าง เมื่อเห็นว่าน้องเขาดีขึ้น ตนเองก็ขอสัญญากับน้องเขา เพื่อไม่ให้คิดฆ่าตัวตายอีก และก็ส่งเขากลับบ้านอย่างปลอดภัย ซึ่งตนเองคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้ ใครเจอก็ต้องทำแบบนี้ด้วยสัญชาติญาณ ไม่ใช่คิดจะสร้างภาพหรืออะไร และด้วยประสบการณ์ที่เป็นนักข่าวมานานเกือบ 20 ปี ทำให้เห็นปัญหาความทุกข์ยากของชาวบ้าน บางเคสก็ทำข่าวช่วยได้ บางเคสก็ต้องอาศัยผู้มีอำนาจให้การช่วยเหลือ
"แต่ที่ผ่านมาประเทศไทย ยังเหมือนย่ำอยู่กับที่ ชาวบ้านยังคงต้องดิ้นรน ปากกัดตีนถีบ ต้องสู้ชีวิตกันเอง ไร้สวัสดิการใดๆ รองรับ ความมั่นคงในชีวิตแถบหาไม่เจอ ปัญหาต่างๆ จึงซ้ำเดิมวนเวียน การพัฒนาที่เพิ่มช่องว่าง เพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคม คนขาดจิตสำนึก ลืมหน้าที่ตัวเอง แต่กลับไม่ช่วยกันทำความดี จนเกิดปัญหามากมายไม่รู้จักจบสิ้น"
ด้าน น.ส.สุ (นามสมมุติ) วัย 26 ปี หญิงสาวชาว อ.กันตัง จ.ตรัง กล่าวว่า ถ้าไม่ได้พี่จันทิมา ช่วยเหลือและเตือนสติ หนูคงคิดสิ้นคิดและคิดสั้นและอาจตายไปแล้ว เพราะตอนนั้นมันสับสนไปหมด แก้ปัญหาไม่ได้สักอย่าง หมดหนทาง สิ่งที่คิดได้คือความตายจะได้จบสิ้นสักที แต่พี่จันทิมา ทำให้หนูได้คิดและเห็นชีวิตของตนเองและลูกมีค่ามากขึ้น และสัญญากันไว้ว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ขอขอบคุณพี่จันทิมา อีกครั้งค่ะ ที่ช่วยเหลือหนูและลูกไว้ ต่อไปก็จะมีสติมากขึ้น
คลิป
©2018 CK News. All rights reserved.