วันที่ 20 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ และ พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย ร่วมแถลงข่าว Online สรุปการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผ่านระบบ Cisco Webex

พญ.ป่านฤดี กล่าวถึงการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด ว่า ขณะนี้ฉีดไปแล้วจำนวน 519,022 โดส ขณะนี้วัคซีนที่ได้มาเรามีแผนใช้หมดแล้ว ที่จบแล้วคือ บ่อนไก่ ดุสิต ฉีดไปแล้ว นอกจากนี้จะมีการเปิดบริการจุดฉีดวัคซีนเริ่ม 7 มิถุนายน 2564 และทางหอการค้าได้สนับสนุนสถานที่จำนวนมาก โดยคัดเลือกมา 25 สถานที่ และมี รพ.ทุกภาคส่วนช่วยตรงนี้ ทั้ง รพ.สังกัดคณะแพทย์ กลาโหม กรมการแพทย์ เอกชน รวมทั้งของสำนักการแพทย์ สำนักอนามัย อย่างไรก็ตามจะมีการอัพเดตชื่อสถานที่จุดฉีดวัคซีนเร็วๆนี้ สำหรับวัคซีนที่มีจำนวนจำกัด ณ ขณะนี้ จะฉีดให้บุคลากร อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ที่มาช่วย ผู้ขับขี่สาธารณะ ครู ก่อนเตรียมพร้อมฉีดให้ประชาชนเริ่ม 7 มิถุนายน นี้ ส่วนวัคซีนที่ใช้ขณะนี้มีซิโนแวค และแอสตราเซเนกา และการบริการ 7 มิถุนายน 2564 น่าจะเป็นแอสตราเซเนกา

เมื่อถามว่ากรณีการจองฉีดวัคซีนโควิดมีช่องทางอย่างไร พญ.ป่านฤดี กล่าวว่า เราจะเน้นการจองฉีดวัคซีนเป็นหลัก จะไม่ใช่ว่าเดินมาแล้วรอฉีด เพราะอาจไม่ได้ฉีด แล้วจะผิดหวัง จึงเปิดให้จองทั้งผ่านหมอพร้อม และการจองผ่านร้านสะดวกซื้อ แต่ที่น่ายินดี คือ มีองค์กร บริษัทหลายแห่งมาจองฉีดวัคซีนเยอะมาก ซึ่งก็จะมีการแบ่งสัดส่วนตรงนี้

ด้าน นพ.สุขสันต์ กล่าวว่า รพ.จะเน้นฉีดให้แก่ผู้สูงอายุและ 7 โรคเรื้อรัง ซึ่งมีการจองประมาณ 400,000 โดสในแต่ละรพ. ซึ่งสำนักการแพทย์เรามี 11 รพ. ก็มีการจองสิทธิฉีดเรียบร้อยแล้ว

ส่วน ร.ต.อ.พงศกร กล่าวถึงแผนการได้รับวัคซีนโควิด 5 ล้านโดส ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในกทม.ค่อนข้างมาก จึงมีการเริ่ม 2.5 ล้านโดสในเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม ซึ่งจะครอบคลุมประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป 5 ล้านโดสในเข็มแรก โดยการจะทำได้ต้องแบ่งหลายๆหน่วยช่วยกัน ซึ่งจะอยู่ในกทม.เราวางแผนว่า มีศักยภาพในการฉีด 80,000 โดสต่อวัน ยังไม่รวมตัวเลขการฉีดที่มหาวิทยาลัยต่างๆ และกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงคมนาคมทำ ดังนั้น หากกทม.ได้รับจัดสรรวัคซีนมาเท่าไร เรามีศักยภาพฉีดได้เต็มที่ ทั้งนี้จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปอายุ 18 -59 ปี ที่ไม่สามารถใช้ระบบ “หมอพร้อม” ได้ก็มาใช้ตรงนี้ได้ โดยภายในสัปดาห์หน้าจะแถลงรายละเอียด เนื่องจากในหมอพร้อม จะให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังฉีดก่อน

ร.ต.อ.พงศกร กล่าวอีกว่า ในหลักการต้องการฉีดแก่ทุกคนใน กทม. รวมถึงคนที่มีความเสี่ยงต้องได้รับการฉีดก่อน แต่เนื่องจากวัคซีนได้รับมาจำกัด จึงต้องฉีดให้คนที่ฉีดมากกว่า โดยใช้หลักการคือใครขนคนมากๆ ต้องได้ก่อน คือ ขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ บีทีเอส เอ็มอาร์ที เมื่อหมดก็จะค่อยๆขยายขนคนน้อยลง จากนั้นจึงขยายไปยังกลุ่มขนของ ก็พร้อมเปิดกว้างเรื่อยๆ หากได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น