เปิดแล้ว ! "ท่าเรือภาณุรังษี" เชื่อมต่อสถานที่ประวัติศาสตร์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์


2 เม.ย. 2564, 08:51

เปิดแล้ว ! "ท่าเรือภาณุรังษี" เชื่อมต่อสถานที่ประวัติศาสตร์  ส่งเสริมการท่องเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์




วันที่ 1 เมษายน 2564 นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เป็นประธานในพิธีเปิด ท่าเรือภาณุรังษี โดยมีนายสุวิทย์ ดอกคำ เลขานุการกรมกล่าวรายงาน พร้อมด้วยผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า หน่วยงานภาครัฐ ชุมชนตลาดน้อยและประชาชน เข้าร่วม ในวันที่ 1 เมษายน 2564 ณ ท่าน้ำภาณุรังษี

นายวิทยา ยาม่วง เปิดเผยว่า การพัฒนาปรับปรุงท่าเรือ นับเป็นหนึ่งในภารกิจของกรมเจ้าท่า เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและความปลอดภัย ซึ่งท่าน้ำภาณุรังษี ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ชุมชนตลาดน้อย มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สะท้อนการตั้งถิ่นฐานของยุคเริ่มต้นกรุงรัตนโกสินทร์ กรมเจ้าท่า ได้เห็นความสำคัญจึงพัฒนารูปลักษณ์ท่าเรือภาณุรังษีขึ้นใหม่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งท่าน้ำภาณุรังษี ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเชิงประวัติศาสตร์มากมาย อาทิ พิพิธภัณฑ์ชุมชนท่าน้ำภาณุรังษี หรือ สวนศิลป์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ 



ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า ได้พัฒนาปรับรูปลักษณ์ท่าเรือภาณุรังษีขึ้นใหม่ ซึ่งท่าเรือ จะต้องเป็นมากกว่าท่าเรือ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวทางน้ำที่เพิ่มมากขึ้น ท่าน้ำภาณุรังษี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง1919) และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำอีกด้วย กรมเจ้าท่าปรับรูปลักษณ์ของท่าน้ำโดยเสริมโป๊ะท่าเรือจำนวน 1 โป๊ะ ซึ่งมีขนาดความกว้าง 6 x 12 เมตร รองรับจำนวนคนได้ 60 คน ซึ่งการพัฒนาท่าเรือได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภายนอกร่วมกัน


ปัจจุบัน ชุมชนตลาดน้อยได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาถ่ายรูป ศึกษาประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน และศิลปะแบบสตรีทอาร์ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้คนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมสภาพภายในชุมชนริมน้ำที่ยังคงสภาพและบรรยากาศดั้งเดิม และเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และชุมชนตลอดลำน้ำเจ้าพระยา โดยกรมเจ้าท่ามีเรือข้ามฟากพร้อมให้บริการ ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ การพัฒนาท่าเรือภาณุรังษีขึ้นใหม่ นับเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำที่เพิ่มขึ้น รวมถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทั้งภายนอกและภายในชุมชนได้อย่างยั่งยืน 
 











©2018 CK News. All rights reserved.