ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (31 มี.ค.) นายพงษ์ศักดิ์ สุขมงคล หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า รบ.2 (บ้านบ่อหวี) นายชาติชาย ถิ่นโพธิ์วงศ์ ปลัด อบต.ท่าเคย และเจ้าหน้าที่ที่ดินอ.สวนผึ้ง ตำรวจ บก.ปทส. ร่วมตรวจสอบที่ดินของนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ พื้นที่หมู่ที่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี หลังนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้แจ้งความตามคดีอาญาที่ 419/2562 ให้ดำเนินคดีนายทวี ไกรคุปต์ เพราะเชื่อว่า มีการบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งหมด 7 แปลงมีพื้นที่จำนวน 1,039 ไร่ 2 งาน 92 ตารางวา ทางตำรวจ บก.ปทส. ได้รับโอนคดีมาดำเนินการ พร้อมอยู่ในกระบวนการการสอบสวนคดีอาญาที่ 2/2563 และ 3/2563 ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอนุญาตให้สอบสวนคดีอาญาที่ 419/2562 และ 420/2562 จึงมีความจำเป็นในการตรวจสอบประเภทที่ดิน รังวัดพื้นที่ จำนวนเนื้อที่ดิน และตำแหน่งที่ดินบริเวณโดยรอบแปลงที่ดินที่เกิดเหตุ โดยให้นายทวี นำชี้แนวเขตและแสดงหลักเอกสารสิทธิ
จากการสอบถามตำรวจ บก.ปทส. ทราบว่า วันนี้ได้มาตามนัดหมายที่คุณทวี ได้นัดหมาย แต่เนื่องด้วยคุณทวี ได้แจ้งเลื่อนวัน ไม่มาตามนัดหมาย จึงทำให้ไม่สามารถเข้าพื้นที่ตรวจสอบอะไรได้ ด้วยเพราะไม่มีคนนำชี้และอนุญาตเข้าพื้นที่ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องเดินทางมายังหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สวนผึ้ง รบ.2 (บ้านบ่อหวี) เพื่อตรวจสอบของกลางที่ได้ทำการตรวจยึดไว้ เมื่อวันที่ 7 ก.พ.63 ที่ผ่านมา คือเลื่อยวงเดือนที่มีขนาดเกินตามที่กฏหมายกำหนด และทำหนังสือลงบันทึกการตรวจสอบไว้ หลังจากนี้จะดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการทางกฏหมายต่อไป โดยจะรวบรวมสำนวนสอบสวน พยานหลักฐานทั้งหมดส่งฟ้องต่อไป
ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ สุขมงคล กล่าวว่า ได้ร่วมกันกับตำรวจ บก.ปทส. กรมป่าไม้ กรมที่ดิน ปลัด อบต.ท่าเคย มาตามนัดหมายที่นายทวีได้นัดลงพื้นที่ตรวจสอบและจะแสดงโฉนดที่ดิน นส.3 ให้ดู แต่ปรากฏว่า นายทวีไม่มา ขอเลื่อนนัดหมาย แต่ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ตนและเจ้าหน้าที่ทราบว่าขอเลื่อนนัด เมื่อมาถึงพื้นที่แล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงมายังหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สวนผึ้ง รบ.2 (บ้านบ่อหวี) เพื่อขยายผลของกลางที่ได้ทำการยึดไว้เป็นหลักฐาน เมื่อวันที่ 7 ก.พ.63 ที่ผ่านมา คือแท่นเลื่อยวงเดือน ที่ครอบครองโดยไม่ได้ขออนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้ เพราะใบวงเดือนมีรัศมี 24 นิ้ว และมอเตอร์ที่ใช้มอเตอร์ 5 แรงม้า ซึ่งเกินกำหนดจะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานราชการในการติดตั้ง เพราะว่าในการตรวจยึดครั้งแรก พบมีร่องรอยการแปรรูปไม้ท่อน เช่น ไม้ยูคา ไม้สน ซึ่งเป็นต้นไม้นอกประเภทถือไม่ผิด แต่ตัวเลื่อยนี้ ผิดกำหนดต้องทำการตรวจยึดไว้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นายทวี ไกรคุปต์ เพื่อสอบถึงการเลื่อนนัดหมาย เจ้าตัวชี้แจงว่า ตามที่ ผบก.ปทส. ได้สั่งการให้ตำรวจ บก.ปทส. กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ อ.สวนผึ้ง และอบต.ท่าเคย รวมประมาณ 20 คน มาที่ไร่ของตน โดยอ้างว่ามาตามนัดที่ตนได้นัดไว้ เพื่อตรวจเอกสารสิทธิ์ นส.3 และตรวจสอบที่ดินของตน ทำให้ตนรู้สึกงงมาก เพราะทาง บก.ปทส.ไม่ได้มีหนังสือแจ้งมายังตนว่าให้ตนเข้ามาชี้จุดเขตที่ดินที่ตนถือสิทธิ์อยู่ และนำเอกสารสิทธิ์มาแสดงในวันนี้ ซึ่งตามที่เป็นข่าวว่า ตนนัดแล้วไม่มา คนที่พูดน่าจะถอดเครื่องแบบ ตำรวจ ปทส. มาพูด ถือเป็นการปรักปรำตนเป็นข้อความเท็จ ทำให้ตนเสียหาย เหมือนตนไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ตนยืนยันได้ว่าตนไม่เคยได้รับหนังสือนัดหมายในวันนี้
นายทวี กล่าวต่อว่า ตามข้อเท็จจริง ตนนัดล่วงหน้าไว้นานแล้ว จะมานำชี้เขตที่ดินที่ตนครอบครอง ในวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ขณะนั้นตนเป็นโรคเท้าบวม เพราะเขียนหนังสือมากและยืนมาก หมอได้นัดตนในวันที่ 24 มี.ค. และตนได้ทำหนังสือถึง ผบก.ปทส. เพื่อขอเลื่อนนัดในวันที่ 28 มี.ค. โดยหนังสือได้ออกในวันที่ 25 มี.ค. เหตุเพราะตนเท้าบวมมาไม่ได้ ตนมีเอกสารยืนยันใบรับรองแพทย์แนบไปด้วย เพื่อยืนยันว่า ตนไม่ได้พูดเท็จ ให้เป็นหลักฐานไว้ โดยตนขอเลื่อนเป็นวันที่ 28 พ.ค. หรืออีก 2 เดือน เนื่องจากตนอายุ 83 ปีแล้ว การรักษาทุกอย่างสภาพร่างกายเลือดลมอาจจะไม่ดีเหมือนคนอื่นๆทั่วไป ตนยังได้แจ้งกับผบก.ปทส.ว่า ถ้ามีเหตุขัดข้องอะไรให้แจ้งมากลับมาที่ตนด้วย แต่จนมาถึงวันนี้ก็ไม่มีหนังสือแจ้งกลับมาแต่อย่างใด แต่วันนี้ท่านกลับมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาที่ไร่ของตน เพื่อให้ตนไปชี้นำตรวจตามจุดที่นัดไว้ ทั้งนี้ที่ตนขอเลื่อนไปแล้ว ตำรวจป่าไม้บอก ตนนัดไว้แล้วไม่มา เป็นการพูดเท็จ พูดปรักปรำตน เหมือนตนไม่รับผิดชอบต่อตนเอง ถ้าไม่จริงฟ้องได้เลย ถ้าไม่ฟ้องแสดงว่าจริง ตนเป็นคนรักษาชื่อเสียงไม่อยากให้ตัวเองเสียหาย
นายทวี กล่าวอีกว่า ส่วนเอกสารสิทธิที่พูดถึงเป็นเอกสารสิทธิ์ ที่ตนซื้อมา ออกให้ในวันที่ 8 ม.ค.2516 มี 3 แปลง ปี 2518 มี 150 ไร่ ออกมา 50 กว่าปี แล้วตนซื้อต่อเขามาอีกทีนึง ตนไม่เคยรู้จักเจ้าของที่แปลงนี้ ซื้อโดยมีนายหน้ามาขายให้ตน นัดไปโอนเงินกันที่ที่ดินสวนผึ้ง ตนซื้อ 2 ครั้งที่ดิน 3 แปลง โดยเจ้าของได้นำเงินที่ตนซื้อที่ดิน นำไปไถ่ถอนกับธนาคารและโอนที่เป็นชื่อของตน ที่ดินทั้งหมด 9 ไร่ มีที่ติดถนนทางหลวงสายหลักจอมบึง, สวนผึ้ง และบ้านบึง ผู้บังคับการได้ออกหมายกล่าวหาตน ว่าได้ที่มาโดยมิชอบ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 40 (1) ตนได้โอนมาในวันที่ 27 ส.ค.2523 ออกปี 2516 เกือบ 50 ปีแล้วก็อยู่มานานแล้ว เป็นแบบนี้มานานแล้ว ที่บริเวณนั้นนับ 1,000 ไร่ ไม่มีพื้นที่ป่าเลย มีแต่ที่ชาวบ้านปลูกมันสำปะหลัง อ้อย สับปะรด ในหมู่ที่ 9 ท่าเคย สวนผึ้ง ใกล้ตีนเขาสนเป็นเขตติดอ.สวนผึ้ง ยาวเป็นพันเป็นหมื่นแสนไร่ไม่มีพื้นที่ป่าแล้ว
นายทวี กล่าวต่อว่า จนมาถึงปี 2562 นายอรรถพล เจริญพันษา อธิบดีกรมป่าไม้ (ในขณะนั้น) ไปแจ้ง ผบก.ปทส. ให้ดำเนินคดีตนออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ พื้นที่ป่าตาม พ.ร.บ.ที่พูดถึง ตนจึงขอความเป็นธรรมกับสังคมตนไม่ได้บุกรุกป่า ตามข้อกล่าวหาอันนั้น ผู้ใหญ่บ้านทั้งตำบลก็มาเป็นพยานได้ กล่าวหาตน ตนไม่มีปัญหาอะไร ถ้าอธิบดีกรมป่าไม้กล่าวหา คนที่ออกเอกสารสิทธิ์อย่างตนมีนับ 10 ราย ทั้งจอมบึง สวนผึ้ง ต้องกล่าวหาต้องใช้กฎหมายอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ใช่เลือกปฏิบัติกับตนและลูกสาวของตน
นายทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนขอความเป็นธรรมจากสังคมด้วย ตนและลูกสาวไม่เคยรุกป่า แต่ต้องมารับชะตากรรม แล้วผู้ที่มีเอกสารสิทธิ์ ประเภทที่ผิดกฎหมายนี้นับแสนราย เป็นเอกสาร อปท.ทั้งนั้นเลย เอกสารสิทธิ์ 50 ปียังโดน แล้วอปท.ไม่ต้องพูดถึง ถือผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 40 (1) แล้วอธิบดีกรมป่าไม้ ถึงเลือกปฏิบัติแต่กับตนและลูกสาวตน 2 รายเท่านั้น ยังมีอีกแสนรายที่ถือเอกสารสิทธิ์อปท. ทำไมไม่ใช้กฎหมายในมาตรฐานเดียวกัน เสมอภาคเท่าเทียมกัน ตนจึงขอเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับสังคมด้วย.
©2018 CK News. All rights reserved.