วันที่ 21 มี.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในปี 2564 ธ.ก.ส. ยังคงมุ่งไปสู่วิสัยทัศน์ที่ธนาคารวางไว้คือเป็น ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน มุ่งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชนบทแต่จะปรับวิธีหรือกระบวนการทำงาน โดยเน้นการดูแลเกษตรกรลูกค้าให้สามารถยืนอยู่ ผ่านมาตรการสนับสนุนด้านสินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Smart Farmer) ที่มีทักษะความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยี การบริหารจัดการด้านการตลาดให้เข้ามาต่อยอดในการเพิ่มมูลค่าผลผลิต และสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน
ส่วนในปีบัญชี 2564 กำหนดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้น 69,000 ล้านบาท และเงินฝากเติบโตเพิ่มขึ้น 25,000 -30,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปี 64 จะอยู่ที่ 4.23% ซึ่งในจำนวนนี้นับหนี้เสียที่เกิดขึ้นหลังการพักชำระหนี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2563 ถึงปัจจุบัน ประเทศไทบพบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิดยาวนาน ดังนั้นจึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าให้ก้าวข้ามวิกฤตไปด้วยกัน เช่น การพักหนี้ทั้งระบบ จำนวน 3.25 ล้านราย เงินต้นประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท การเติมวงเงินสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเสริมสภาพคล่อง ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อน กระตุ้นการใช้จ่ายการลงทุน ทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน เช่น เงินกู้ฉุกเฉิน ที่ไม่ต้องใช้หลักประกันวงเงิน 20,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อ New Gen Hug บ้านเกิด สินเชื่อพอเพียงเพื่อเลี้ยงชีพ สินเชื่อเพื่อฤดูการผลิตใหม่ วงเงินรวม 170,000 ล้านบาท รวมทั้งจัดทำโครงการชำระดีมีคืนและโครงการลดภาระ ซึ่งทั้ง 2 โครงการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องดอกเบี้ย โดยสามารถคืนเงินเข้าสู่กระเป๋าเกษตรกร กว่า 1.6 ล้านราย วงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท และยังสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการส่งมอบเงินและความช่วยเหลือไปยังเกษตรกรและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด เช่น การจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกร 5,000 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือนผู้พิทักษ์สิทธิ์ เราไม่ทิ้งกัน การจ่ายเงินตามโครงการประกันรายได้ 5 พืชเศรษฐกิจหลัก เป็นต้น
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ข้างต้น ส่งต่อผลการดำเนินงานในปีบัญชี 2563 ของ ธ.ก.ส. ซึ่งจะครบปีในวันที่ 31 มีนาคม 2564 ซึ่งข้อมูลคาดการณ์เบื้องต้น ธ.ก.ส. จะมีสินทรัพย์จำนวน 2,039,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.10% เงินให้สินเชื่อจำนวน 1,572,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน4.90 % หนี้สินจำนวน 1,892,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.94% ในขณะที่เงินรับฝาก 1,730,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.41% ส่วนของเจ้าของ 146,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.19% โดยมีรายได้จำนวน 103,171 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายจำนวน 95,987 ล้านบาท กำไรสุทธิจำนวน 7,184 ล้านบาท อัตราส่วนการดำรงเงินกองทุนต่อทรัพย์สิยเสี่ยง (BIS ratio)อยู่ที่ 11.99% และหนี้เอ็นพีแอล 3.57%
©2018 CK News. All rights reserved.