เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่โรงแรมนิรันดร์แกรนด์ ถนนอุดมสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานและพบปะสมาชิกในการประชุมใหญ่สามัญสาขาพรรคประชาธิปัตย์ กรุงเทพฯ โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ถัดจากนี้ไปจะเดินหน้าทางการเมืองเข้มข้นขึ้น งานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเราก็ได้พิสูจน์แล้วว่าในช่วงระยะเวลาหนึ่งปีครึ่งโดยประมาณ พรรคประชาธิปัตย์ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งไหนที่ได้ยืนยันรับปากไว้กับพี่น้องประชาชน พรรคประชาธิปัตย์เดินหน้าทำจนสำเร็จ และเป็นที่ประจักษ์กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์สามารถบรรลุผลได้อย่างรวดเร็ว “ทำได้ไว ทำได้จริง”
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึง เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยว่า ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องการเดินหน้าทำงานของพรรคนั้น ถัดจากนี้ไปเราจะเดินหน้าผลักดัน 2 เรื่องคู่ขนานกันไป คือ 1.การผลักดันการแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ 2.เราจะผลักดันการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ทั้งการแก้ไขปัญหาปากท้องและการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือหัวใจสำคัญที่จะเป็นทิศทางการเดินหน้าในการทำหน้าที่ถัดจากนี้ไปของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นพรรคจึงมีความชัดเจนว่าเราจะแก้ทั้งปัญหาปากท้องของประชาชนและแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ พาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เพื่อให้มีส่วนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจลุล่วงไปด้วยดี เพราะเราเห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญคือทางออกของประเทศ
“อย่างน้อยที่สุดประเด็นที่จะต้องแก้ไขซึ่งเป็นจุดยืนเดิมที่ตนได้ประกาศไว้ตั้งแต่มาเป็นหัวหน้าพรรควันแรก คือ เราจะต้องแก้ไขมาตรา 256 ซึ่งเป็นมาตราที่ว่าด้วยวิธีการแก้ไขและเงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมฉบับนี้เขียนไว้แก้ยากมาก โดยระบุเงื่อนไขต่างๆไว้ในมาตรา 256 ตราบใดที่ไม่สามารถแก้มาตรา 256 ได้ ก็ไม่มีทางแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญได้ ประตูประชาธิปไตยไม่มีทางเปิดออกไปให้คนไทยทั้งประเทศเดินหน้าต่อไปได้เลย การแก้มาตรา 256 จึงเป็นเรื่องที่สำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่งเหมือนประตูบานแรกที่เราต้องช่วยกันเปิดออกไปเพื่อทำให้เงื่อนไขการเมืองที่ไม่นิ่งให้นิ่งและเดินต่อไปได้ในอนาคต เพราะเมื่อการเมืองนิ่งก็สามารถแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนต่อไปได้ ความขัดแย้ง เงื่อนไขก็จะลดลง การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะไม่ถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการก่อเหตุในทางการเมืองได้อีกต่อไปในอนาคต” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า นอกจากนั้นก็คือเรื่องอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ระบุไว้ว่า ให้ผู้ที่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภาในช่วง 5 ปีแรกคือสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ตรงนี้จึงเป็นเครื่องหมายคำถามว่า เราจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญย้อนกลับไปหรือเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยปกติได้หรือไม่ โดยให้ประชาชนที่เลือกผู้แทนมาเท่านั้นที่จะเป็นผู้มีสิทธิ์ในการเลือกอหรือ ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแทนประชาชน ไม่รวมสมาชิกวุฒิสภาซึ่งถือว่าไม่ใช่คนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ประเด็นนี้ตนได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปยกร่างเพื่อพาประเทศของเราเดินไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ด้วย โดยให้แยกเป็นประเด็นประเด็น
©2018 CK News. All rights reserved.