ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแนวโน้มจัดทำงบประมาณกลางปี 2565 เพิ่ม ในกรณีที่เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น และสามารถกลับมาจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะขอไปดูแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ รวมทั้งเศรษฐกิจปีหน้าด้วยหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้เห็นชอบการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยรับงบประมาณ ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ 3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้า 5.66% อย่างไรก็ตาม วงเงินที่ปรับลดลง จะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินสวัสดิการต่าง ๆ ที่รัฐต้องจัดสรรลงไปให้กับประชาชนตามปกติทั้ง เบี้ยเด็กแรกเกิด เบี้ยคนชรา และเบี้ยคนพิการ รวมไปถึงค่าอาหารกลางวันเด็กที่เพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะวงเงินในส่วนนี้ได้กันเอาไว้แล้วอยู่ในส่วนงบประจำ ซึ่งมีวงเงินอยู่ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ รายการที่ต้องมีวงเงินลดลงนั้น ส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายประจำที่สามารถลดลง หรือชะลอลงได้ โดยได้รับจัดสรร 2.36ล้านล้านบาท ลดลง 6.98% หรือลดลง 177,109 ล้านบาท แต่ไม่ได้กระทบกับสวัสดิการต่าง ๆ ที่รัฐต้องจ่ายอยู่แล้ว โดยเฉพาะเบี้ยคนพิการ ซึ่งได้ปรับเพิ่มขึ้นให้แต่จะได้เฉพาะคนพิการที่ถือบัตรสวัสดิการก่อน จากนั้นจึงขยายไปยังคนพิการอื่น ๆ ต่อไป ที่สำคัญในปีงบประมาณ 2565 ได้ตั้งชำระคืนต้นเงินกู้ไว้ 100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.01% คิดเป็นสัดส่วน 3.22%ของวงเงินงบประมาณ สูงกว่าเทียบกับปีงบประมาณ 2564 ที่ 3.01% ซึ่งการจ่ายคืนเงินกู้เพื่อรักษาเครดิตของประเทศไว้
นายสมหมาย ลักขณานุรักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับจัดสรรงบประมาณสูงสุด 332,398 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 24,051 ล้านบาท หรือลดลง 6.75% หรือ อันดับที่สอง กระทรวงมหาดไทย 316,527 ล้านบาท ลดลง 17,144 ล้านบาท หรือ 5.14% อันดับสาม กระทรวงการคลัง ได้รับจัดสรร 273,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,501 ล้านบาท หรือ 2.05% เพราะต้องชำระดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น อันดับสี่กระทรวงกลาโหม 203,282 ล้านบาท ลดลง 11,248 ล้านบาท หรือลดลง 13.42% ส่วนกระทรวงที่ได้น้อยสุด ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์
ในขณะเดียวกัน ในปีงบประมาณ 2565 ได้จัดสรรรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% หลังจากปีก่อนไม่มีรายการที่เสนอตั้งงบส่วนนี้เอาไว้ และมีรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่าย 24,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% เช่นกัน ที่สำคัญได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนไว้ 624,399 ล้านบาท ลดลง 24,399 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าเงินส่วนที่ขาดดุลงบประมาณ 700,000 ล้านบาท ดังนั้น ครม.จึงเห็นชอบให้พิจารณารายจ่ายลงทุนเพิ่มเติมจากแหล่งเงินทุนของประเทศในช่องทางอื่น ๆ ทั้ง การให้เอกชนเข้าร่วมในกิจการของรัฐ (พีพีพี) และการลงทุนของหน่วยงานในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์ รวมทั้งพิจารณาการใช้เงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548
นอกจากนี้ ในส่วนของงบกลางในปี 2565 ได้มีการตั้งบประมาณไว้ 11 รายการ ทั้งสิ้น 571,047 ล้านบาท ลดลง 43,568 ล้านบาท หรือ 7.09 % อย่างไรก็ตาม อย่ามองว่างบกลางทั้งหมดเป็นเงินที่จัดไว้ให้นายกรัฐมนตรีใช้เนื่องจากงบกลางฯแบ่งเป็นหลายรายการเช่น รายจ่ายสำหรับจ่ายเป็นเงินเกษียณอายุของข้าราชการ และค่ารักษาพยาบาล รวมอยู่ในนี้ร่วม 400,000 ล้านบาท ส่วนที่เป็นรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็นมี 89,000 ล้านบาท ลดลง 10,000 ล้านบาทจากปีงบประมาณก่อน
©2018 CK News. All rights reserved.