เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 15 มี.ค. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 17-18 มี.ค. ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม ยังคงเดินหน้าลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3 เมื่อถามว่ามีสมาชิกบางส่วนอาจเสนอขอเลื่อนการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ออกไปก่อน นายชวนตอบว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้
นายพรเพชรกล่าวอีกว่า ยอมรับว่าการโหวตวาระ 3 มีผลทางการเมืองพอสมควร หากที่ประชุมเห็นชอบวาระ 3 เชื่อว่าจะมีผู้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง ทำให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญล่าช้าไปอีก แต่หากไม่เห็นชอบ เสียง ส.ว. ไม่ถึง 84 เสียง ส.ว.จะตกเป็นจำเลยสังคมทันที หากเลือกทางนี้ ส.ว.ต้องชี้แจงต่อสังคม หรืออาจมีมากกว่า 2 ทางนี้ ปัญหานี้ไม่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญเพราะการวินิจฉัยยุติแล้ว ขึ้นอยู่ที่รัฐสภาจะดำเนินการอย่างไรกับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่เรื่องจะมาเอาชนะคะคานกัน เรื่องนี้มีปัญหาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่าลืมว่าวุฒิสภามีความคิดเป็นอิสระบังคับไม่ได้ เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ ส.ว.จะโหวตคว่ำ หรือไม่ร่วมประชุม นายพรเพชรตอบว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน เป็นสมาชิกต้องเข้าร่วมประชุม จะเห็นอย่างไรต้องแสดงความกล้าหาญ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่ 16 มี.ค. ได้เชิญ ส.ส.ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมก่อนการลงมติวาระ 3 จะเปิดโอกาสให้ส.ส. แสดงความคิดเห็น พรรคประชาธิปัตย์ไม่วิตกกังวลอะไร เพราะมีจุดยืนชัดเจนกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนโดยรวม พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดอนาคตของตนเอง และอนาคตของชาติ ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่ว่าผลการโหวตจะออกมาอย่างไร พรรคยังคงมุ่งมั่นผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อไป
ที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันจะเดินหน้าโหวตวาระ 3 หากผ่านค่อยไปทำประชามติ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดให้ประชาชนสถาปนารัฐธรรมนูญ หากยอมให้ ส.ว. 84 คน คว่ำได้ เท่ากับอำนาจ 84 คน มากกว่าอำนาจคนไทยทั้งประเทศ แบบนี้ถือเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ได้เวลาที่ประชาชนจะออกมาบอกและยืนยันว่าอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นอำนาจปวงชนชาวไทย ถึงเวลาเปลี่ยนรัฐธรรมนูญพาประเทศพ้นวิกฤติ เราจะรณรงค์เปิดเวทีสื่อสารกับประชาชนในหลากรูปแบบเท่าที่กฎหมายให้ทำได้ ที่ผ่านมาฝ่ายสืบทอดอำนาจมักตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ตัวเองได้ประโยชน์
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ไม่รู้ว่าจะแสดงจุดยืนของพรรคอย่างไรต่อการลงมติในวาระ 3 เพราะเป็นเรื่องของสภาฯ เมื่อถามว่าการประชุมพรรควันที่ 16 มี.ค. จะหารือถึงแนวทางการลงมติหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า เป็นเรื่องของตน ไม่ใช่เรื่องของสื่อ ให้เป็นไปตามที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องการ คือต้องทำประชามติก่อน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอให้รอคำวินิจฉัยกลางศาลรัฐธรรมนูญจะดีที่สุด ทราบว่าจะออกมาวันนี้ (15 มี.ค.) ขอให้อดใจ อย่ามัวมาเถียงกันทะเลาะกัน เมื่อถามย้ำว่าหากมีคำวินิจฉัยกลางออกมาแล้วแต่ยังมีการถกเถียงกันอยู่อีกจะทำอย่างไร นายวิษณุตอบว่า ขอไม่ตอบ ก็เถียงกันต่อไป เมื่อถามว่ายืนยันหรือไม่ว่าแนวทางที่เคยเสนอไปจะทำให้เรื่องนี้จบได้ นายวิษณุพยักหน้าหลายหน พร้อมกล่าวสั้นๆว่า ครับ เมื่อถามว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอให้มีการทำประชามติได้ตามมาตรา 166 นายวิษณุตอบว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ตรงนั้นเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ตอนนี้ปล่อยให้สภาฯเขาดำเนินการไปก่อน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่รัฐสภาดำเนินการมาจนถึงการโหวตวาระ 3 ยังไม่ใช่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ แต่เป็นการแก้ไขเพื่อบอกว่าจะมีกลไกมาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่อย่างไรเท่านั้น ตรงกับคำวินิจฉัยที่ให้ทำประชามติว่าประชาชนต้องการให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ และในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กำหนดว่าเมื่อ ส.ส.ร.ร่างเสร็จต้องไปทำประชามติอีกครั้ง ซึ่งก็ตรงกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ทำประชามติหลังร่างเสร็จ มีข้อสังเกตว่าการพยายามตีความว่าต้องทำประชามติเพิ่ม ถือว่าไม่สอดคล้องกับโครงสร้างของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญควรทำความชัดเจนก่อนสภาลงมติในวาระ 3 น่าจะเป็นทางเดินที่ดีที่สุดเพื่อลดปัญหา ขณะที่ผู้มีอำนาจต้องยึดมั่นในสิ่งที่แถลงนโยบายกับสภา เหมือนผู้นำในต่างประเทศเขาทำกัน ผู้นำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลต้องแสดงความชัดเจนจริงใจมากกว่าที่เป็นอยู่
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารเผยแพร่คำวินิจฉัยกลาง พอสรุปเนื้อหาสำคัญได้ว่า แม้รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่เป็นอำนาจที่ได้รับมอบมา ซึ่งถูกจำกัดทั้งรูปแบบ กระบวนการ และเนื้อหา รัฐสภาจึงต้องทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบอย่างเคร่งครัด ไม่อาจกระทำนอกขอบของหน้าที่ และอำนาจที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ได้ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจึงต้องอยู่ในเงื่อนไขที่มีความผูกพันกับรัฐธรรมนูญฉบับเดิมยึดโยงกับหลักการพื้นฐาน และให้เหมาะสมสอดคล้องกับมติมหาชน รัฐธรรมนูญหมวด 15 เพียงบัญญัติให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เท่านั้น ไม่มีบทบัญญัติให้จัดทำขึ้นใหม่ทั้งฉบับ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญ อันเป็นการแก้ไขหลักการสำคัญที่ผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญดั้งเดิมต้องการปกป้องคุ้มครองไว้ หากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อน
“อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงวินิจฉัยว่ารัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อน ว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อีกครั้งหนึ่ง”
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส.กทม. พรรค พปชร. ต่อรองโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของ กทม. ว่า “ไม่มีๆ ไม่มีแล้ว เมื่อวันที่ 14 มี.ค. เขาออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว ทำไมไม่ดู แล้วมาถาม ยืนยันว่าไม่มี”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า ช่วงเช้าวันที่ 15 มี.ค. น.ส.อาภรณ์ รองเงิน รอง ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำรายชื่อนายสินิตย์ เลิศไกร ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่คณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรค มีมติเลือกให้ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ส่งต่อนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานนายกรัฐมนตรีและตรวจสอบคุณสมบัติตามกฎหมายกำหนด ก่อนกรอกประวัติตามขั้นตอนต่อไป นายสินิตย์กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงใด เพราะผู้บริหารพรรคยังไม่ได้แจ้งให้ทราบ เพียงได้รับการติดต่อจากรอง ผอ.พรรคให้ส่งชื่อ นามสกุล และประวัติส่วนตัว นำส่งตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นตามขั้นตอน
นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากกระแสข่าวว่าจะมีการแลกเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ ว่าการที่ทั้งรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยของพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์จะบริหารงานราชการแผ่นดินอยู่ในกระทรวงเดียวกัน น่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชนและพรรคน้อยกว่าการกระจายบริหารงานอยู่ต่างกระทรวง ทั้งนี้ เพื่อให้มีขอบข่ายงานที่กว้างกว่าการรวมอยู่ในกระทรวงเดียวกัน
วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เนื่องจากต้นปี 2564 มีการเผยแพร่ข่าวเปิดกรุพระเครื่องนายกฯเมื่อย้อนไปดูคลิปข่าวเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2564 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ปลดกระดุมเสื้อโชว์พระห้อยคอ ระบุว่าไม่ได้นับว่ามีกี่องค์ และเมื่อวันที่ 17 พ.ค.2559 มีคลิป พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ว่า พระที่นายกฯโชว์ยังน้อย จริงๆ มีเป็นร้อย และตนก็พกไม่ได้โชว์ เมื่อเปรียบเทียบกับบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2557 นายกฯมีพระไม่ถึง 100 องค์ อาจมีอีกหลายสิบองค์ที่ไม่ยื่น ป.ป.ช. เมื่อตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินอื่นของ พล.อ.ประวิตร พบว่าไม่มีการยื่นไว้เลย ทั้งที่ในคลิประบุชัดว่าพกพระเครื่อง
นายเรืองไกรกล่าวว่า พร้อมกับขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินอื่นของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน ที่ปรากฏภาพข่าวตามสื่อว่าใส่นาฬิกา สร้อยคอ และมีพระบูชาในห้องทำงาน แต่ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2562 ไม่มีรายการเหล่านี้ เพราะถ้ามีมูลค่ารวมเกิน 200,000 บาท ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกรนำคลิปการสัมภาษณ์จากสื่อยื่นให้กับ ป.ป.ช.ไว้เป็นหลักฐาน
ช่วงสายที่ห้องรับรองชั้น 11 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ รับมอบของขวัญจากนายกฯ ผ่านนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนมอบในโอกาสวันคล้ายวันเกิด 15 มี.ค. อายุครบ 65 ปี ทั้งนี้ ของขวัญที่นายกฯมอบให้เป็นผ้าไหมทอประณีตสีชมพูกลีบบัว
อีกเรื่อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ทีมทนายได้ส่งหนังสือขอความเมตตาไปยัง ป.ป.ช. ให้ทบทวนกรณีรุกป่าสงวนแห่งชาติก่อนส่งให้ศาลฎีกาเอาผิดทางจริยธรรม ต้องให้สังคมตัดสิน เพราะเป็นคดีแรกที่กฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับใหม่ให้อำนาจพิจารณาจริยธรรม ส.ส. ถึงวันนี้สภาผ่านมา 2 ปี มีตนคนเดียวที่ถูกดำเนินคดี หากศาลรับฟ้องไม่ใช่ว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันที ยกเว้นศาลมีความเห็นเป็นอย่างอื่น วอนสังคมอย่าด่วนตัดสินตน เรื่องนี้เป็นปัญหาเกิดขึ้นทั่วประเทศ ปัญหาแผนที่บางครั้งประชาชนไม่รู้ว่าที่ดินทำกินอาศัยอยู่เป็นประเภทใด คดีนี้จะเป็นโมเดล ตนไม่ใช่นักกฎหมายแต่เมื่อได้เรียนรู้กฎหมายที่ดินเข้าใจมากขึ้น หากคดีนี้สิ้นสุดจะเปิดศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ส่วนคดีอาญายังไม่ได้รับหมายเรียก
ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายกอบศักดิ์ วันธงไชย คณบดีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะ เข้ายื่นหนังสือถึงนายกฯเพื่อนำเสนอหลักการประกอบการพิจารณาจัดการกรณีชาวบ้านบางกลอย อุทยานแห่งชาติแก่ง-กระจาน จ.เพชรบุรี นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ในภาควิชาการมีข้อกังวลถึงความเหมาะสมที่มีกลุ่มเรียกร้องกลับเข้าไปทำกินบริเวณใจแผ่นดิน บ้านบางกลอย ขอให้นายกฯคำนึงถึงหลักการจัดการพื้นที่อุทยานฯ หลักกฎหมาย สิทธิมนุษยชน พัฒนาคุณภาพชีวิตคนให้มีทักษะความรู้ดำเนินชีวิต ประกอบอาชีพให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่ต้องอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ คนต้องร่วมอนุรักษ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายมุศเฏาะฟา มะฮ์มูด มุศเฏาะฟา เอลกูนี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง นายกฯกล่าวว่า ยินดีกับความสัมพันธ์กว่า 67 ปีบนความร่วมมือทุกมิติ ขณะที่เอกอัครราชทูตอียิปต์ชื่นชมการบริหารจัดการโควิด-19 ของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือในทุกด้าน ไทยพร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ด้านการจัดการท่องเที่ยวแบบนิวนอร์มอลแก่อียิปต์ เพื่อเป็นประตูเชื่อมไปยังประเทศอื่นๆ ขอให้รัฐบาลอียิปต์ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชนไทยที่เข้าไปลงทุน และเชิญชวนภาคเอกชนอียิปต์เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี
ช่วงเย็นที่ศาลกรมหลวงชุมพร หน้าทำเนียบรัฐบาล นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มผู้ชุมนุมภาคีเซฟบางกลอย ที่ปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้นายกฯลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ที่เป็นกลาง เพื่อพิสูจน์สิทธิ์ชาวบางกลอยว่ามีสิทธิ์อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวหรือไม่ ให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เปิดประชุมกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) อย่างเร่งด่วน นำผลการประชุมและคำสั่งแต่งตั้งเข้า ครม.ในวันพรุ่งนี้ และต้องมีแนวทางรับประกันการแก้ปัญหา และให้ชะลอการส่งสำนวนคดีของชาวบ้านบางกลอย จนกว่าได้ข้อยุติทั้งหมด โดยนายธนาธรขึ้นกล่าวปราศรัยเรียกร้องสิทธิ์ให้ชาวบางกลอยด้วย โดยมี น.ส.พรรณิการ์ วานิช และ น.ส.อินทิรา เจริญปุระ หรือทราย เข้าร่วมกิจกรรม พร้อมกันนี้มีมวลชนกลุ่มเดินทะลุฟ้า v.2 ปักหลักชุมนุมบริเวณใกล้เคียงมาร่วมกิจกรรมด้วย
©2018 CK News. All rights reserved.