วันที่ 14 มี.ค. 64 นายอรรถกฤต ปัจฉิมนันท์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยได้เปลี่ยนพฤติกรรมหันมาสูบยาเส้นเพิ่มมากขึ้น จนแซงหน้าบุหรี่ไปแล้ว โดยข้อมูลจากรายงานประจำปี 2563 พบว่า มีอัตราการบริโภคยาเส้นมากถึง 26.19 ล้านกิโลกรัม สูงกว่าบุหรี่ที่มีเพียง 22 ล้านกิโลกรัม โดยสาเหตุเกิดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้คนมีรายได้ลดลง จนต้องเปลี่ยนเลิกซื้อบุหรี่ที่มีราคาแพง และหันมาสูบยาเส้นที่ราคาถูกกว่าแทน
ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลมีการจัดทำโครงสร้างภาษียาสูบ โดยคิดภาษียาเส้นเพียง 0.1 บาทต่อกรัม ซึ่งถูกกว่าภาษีบุหรี่ที่เก็บภาษีทั้งด้านปริมาณมวนละ 1.2 บาท และด้านราคาอีก 20-40% ซึ่งสูงกว่ายาเส้นถึง 17 เท่าตัว ดังนั้นหากรัฐบาลจะแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขอย่างจริงจัง จะต้องมีการขึ้นภาษียาเส้นเพื่อลดช่องว่างระหว่างราคายาเส้นกับราคาบุหรี่ โดยทุก 1% ที่มีการขึ้นภาษีบุหรี่จะต้องเพิ่มภาษียาเส้นไม่ต่ำกว่า 15.3% เพื่อลดพฤติกรรมการเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่ไปสูบยาเส้นแทน
ปัญหาการสูบยาเส้นของคนไทยถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะการสูบยาเส้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่าบุหรี่ถึง 20 เท่า และที่สำคัญยังพบว่าเด็กและเยาวชนเริ่มสูบยาเส้นตั้งแต่อายุ 7 ขวบด้วย ดังนั้นรัฐบาลควรเข้ามาดูแลแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง แต่เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะการขึ้นภาษียาเส้นจะมีผลกระทบต่อชาวบ้านหลายระดับ รวมถึงผลกระทบทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
©2018 CK News. All rights reserved.