วันที่ 12 มี.ค. ที่ สถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี เอชดี 34 มีพิธีบวงสรววงละคร เรื่องตะวันตกดิน นักแสดงหนุ่ม ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ มาร่วมพิธีในฐานะนักแสดง หลังเสร็จพิธีได้ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ ถึงการกลับมารับเล่นละคร จนแอบสงสัยว่าหันหลังให้การเมืองแล้วจริง?! งานนี้บอกเลยว่าไม่ เพราะเจ้าตัวยังคงทำงานเบื้องการเบื้อง หวังแก้ไขกฎหมายธุรกิจสตาร์ตอัพ
กลับมาเล่นละครอีกครั้ง รู้สึกยังไงบ้าง “ดีใจครับ ขอบคุณผู้ใหญ่ ขอบคุณเช้นจ์2561ที่ให้โอกาส และมอบบทดีๆ ให้กับฟิล์ม เรื่องตะวันตกดินผมได้อ่านบทผมก็ไม่ปฏิเสธเลยที่จะรับเล่นเรื่องนี้ เรื่องที่หนึ่งคืออาชีพการงานก็ใกล้ตัว เป็นนักดิลนักคอนเน็กชั่น ก็มีแตะเรื่องการเมืองบ้าง และก็ตัวละครทุกตัวละครเป็นเหมือนคนจริงในปัจจุบัน มีขึ้นก็ต้องมีลง ทุกคนมีความทะเยอทะยานที่อยากจะหาเงิน หาความสุขสบายให้กับตัวเองครับ อ่านแล้วรู้สึกว่าละครที่เป็นเหมือนชีวิตจริงของมนุษย์แบบนี้หาได้ยากในละครไทย เพราะว่าบทแบบนี้ก็จะอยู่ตามต่างประเทศ ผมก็เลยอยากเล่นเรื่องนี้มาก ก็บอกตกลง”
ตรงกับชีวิตจริงด้วยใช่ไหม “คือจริงๆผมชอบแนวนี้ เพราะอยู่ในวงการบันเทิงยังไม่เคยได้รับแนวนี้ แล้วมันมีขึ้นมันมีลง แล้วทุกตัวไม่มีใครสมหวังเพราะว่า มันเป็นเรื่องที่ทำให้คนได้รู้ว่าการทะเยอทะยานไป ไม่มีความพอดี มันจะได้รับสิ่งที่ไม่พอดีกลับมา เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่น่าเล่นมาก แล้วบวกกับบทหน้าที่การงานคล้ายๆเรา เป็นนักคอนเน็กชั่น นักดีล นักธุรกิจแบบนี้ คำพูดในบทก็จะสามารถไหลรื่นได้สบาย และก็รู้สึกว่ามันใกล้ตัว”
ในเรื่องจะมีความรู้ว่าเป็นแมงดา เกาะผู้หญิงด้วย “เป็นนักธุรกิจ แต่ในมุมนั้นก็จริง เพราะว่าเป็นเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่เป็นเด็กกำพร้า แต่แล้วก็ถูกผู้ใหญ่รับเลี้ยง พอเขารับเลี้ยงมาด้วยความที่รวยระดับประเทศ วันหนึ่งเจอกับนางเอก แม้ว่าเขาเจอรักแท้แล้วก็ไม่สามารถไปต่อได้ เพราะตัวเขาเองไม่เลือก จะไปเจอกับความลำบาก ไม่ไหว ก็เป็นบทสรุปมันเป็นมนุษย์มากเลย ไม่ใช่ละคร เพราะละครพระเอกต้องแฮปปี้แอนดิ้ง แต่นี่ไม่ใช่อย่างนั้น”
ห่างจากละครไปกี่ปี “นานมาก ตั้งแต่ของอาร์เอส ก็ไม่ได้รับเลย มาหนักทางการเมือง และก็กลับมาก็เกือบๆ 5 ปี”
เห็นว่าตอนนี้หันหลังให้กับงานการเมืองแล้ว “อยู่เหมือนเดิม ยังคงเป็นทีมงานอยู่ครับ ยังทำงานอยู่”
มาถ่ายละครกระทบงานหลักไหม “ไม่เลย เรื่องการเมืองกับดาราก็คล้ายๆกัน คือทำเพื่อประชาชนเหมือนเดิม และตอนนี้ก็ไม่ใช่ช่วงโปรโมตช่วงหาเสียง แต่ละคนก็แยกย้ายลงพื้นที่ ผมก็ยังทำงานกับคุณหญิงสุดารัตน์ ก็ลงพื้นที่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ว่างเมื่อไหร่ก็ลงพื้นที่ถามประชาชนว่าเขาต้องการและต้องการให้เราช่วยเหลืออะไร ส่วนใหญ่ก็ทำเป็นเวทีสัมนาขึ้นมาเพื่อรับฟังปัญหา และเอาไปแก้ไขในข้อกฎหมายต่างๆ หลักๆอยู่ทีมเบื้องหลังครับ”
ทบาททางการเมือง ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง “ตอนนี้ผมย้ายพรรคจากเพื่อไทย ตามไปอยู่กับคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะว่าชอบในอุดมการณ์ หายากมาที่ผู้นำจะฟังเสียงประชาชน แล้วผมมองว่าอุดมการณ์ จุดยืนตรงกับผมดี ผมจึงเลือกที่จะตามออกมา ทั้งที่ตอนนั้นอยู่พรรคใหญ่แล้วนะ และได้เป็นถึงรองโฆษกพรรคแล้ว แต่ผมมองว่าจุดยืนคือสิ่งสำคัญ ก็ตามมาอยู่พรรคใหม่ชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อุดมการณ์เหมือนเดิมคือฟังเสียงประชาชน สนับสนุนกลุ่มสตาร์ตอัพ
เรื่องนี้ผมชอบ และตามมาเพราะว่า ผมเป็นผู้ถูกกระทำมาก่อน เมื่อตอนปี 60 ธุรกิจของผมถูกแบงค์ชาติออกหมายจับ ผมเลยมองว่ามันไม่ถูกต้อง ทำไมรายใหญ่ทำได้ทำไมสตาร์ตอัพทำไม่ได้ ทำไมต้องเสีย 250 ล้านเพื่อขอใบอนุญาต ทั้งๆที่ผมสตาร์อัพด้วยความคิดผม แต่ทำไมต้องเสียเงิน แล้วมีความคิดบางมุมว่ากฎหมายมันไปกดความคิดของคน และล้าหลังมากๆ
ประเทศไทยมีกฎหมายที่ควบคุมธุรกิจพันกว่าฉบับ แต่ประเทศที่ใกล้ๆบ้านเรา เกาหลี ญี่ปุ่นมีกฎหมายแค่ร้อยกว่าฉบับเอง ยกตัวอย่างจะเปิดร้านทำผมก็ต้องไปขอใบอนุญาตต่างเต็มไปหมด ทั้งหมดทั้งมวลเข้าใจได้คือมีไว้เพื่อปลาใหญ่ เขาล็อกไว้ไม่ให้มีธุรกิจซ้ำซึ่งมันไม่ใช่กับยุคนี้แล้ว นี่คือยุคที่ต้องเปิดโอกาสให้กับเด็ก และเยาวชน หรือสตาร์ตอัพขึ้นมาทำได้แล้ว”
เป็นต้นคิดและเสนอเรื่องนี้ “จริงๆโดดเด่นตั้งแต่โดนจับแล้ว มีหลายๆพรรคก็มาดึงตัวไป พรรคแรกที่ให้โอกาสคือพรรคของคุณชัช เตาปูน บอกให้ออกมาพูดเรื่องนี้เลย มาดันเรื่องนี้ เพราะเราเป็นผู้ถูกกระทำไง ทำไมต่างชาติทำได้ ทำไมหลายแบรนด์ทำได้ แต่อ้างว่าเป็นของต่างชาติเลยจับไม่ได้ พอเป็นผมเองมาจับ ทั้งๆที่เราเสียภาษีถูกต้อง”
มีข่าวมาว่าจะหันหลังให้การเมือง หวนคือวงการบันเทิงเต็มตัว “ไม่เลยๆ แล้วมาเจอตัวเองว่าชอบแนวนี้มาก บ้านเราสูงสุดของชีวิตก็คือการมีกฎหมายที่ไม่มาปิดกัน แล้วถ้าเรามีที่ให้ไปเสนออะไรเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่มันล้าหลังมันแก้ไขได้ ประโยชน์ก็ไม่ใช่แต่เรา เป็นประโยชน์กับเด็กๆ สตาร์ตอัพรุ่นใหม่ๆด้วย ก็ยังทำอยู่”
ทำไปด้วยกันได้ยังไง งานการเมืองกับงานบันเทิง “ต้องมองว่ามันคือชีวิตเราก่อน เราช่วยเหลือสังคมอยู่แล้ว พอมาเป็นการเมืองก็เหมือนกัน คือช่วยเหลือสังคมเหมือนกัน แต่ทีนี้เรามาช่วยเหลือด้วยความรู้มากกว่า ส่วนนักแสดงก็ช่วยเหลือด้วยชื่อเสียง ใช้ชื่อเสียงไปประกาศให้มีการช่วยเหลือกันเยอะๆ สุดท้ายเหมือนกันช่วยเหลือเหมือนกัน การเมืองเราเอาความรู้ไปแก้ไขกฎหมาย หรือแนะนำเรื่องเศรษฐกิจให้เขาดีขึ้น เช่นเอาเรื่องอีคอมเมิร์ซที่เราถนัดมาช่วยบอกตามชุมชนต่างๆ เมื่อเขาเป็นอีคอมเมิร์ซเขาก็เริ่มค้าสขายออนไลน์กันเป็น ทำให้เขามีรายได้มากกว่าการเอาของไปขายแค่ในตลาด”
อย่างวงการบันเทิง มีอะไรนิดหน่อยก็กระทบชื่อเสียงแล้ว มีวิธีวางยังไงให้เจ็บตัว “จริงๆ ผมก็ผ่านมาทุกด่านแล้วนะ ก็เลยชินมากกว่าและบวกว่าดูด้วยว่าจุดยืนของเรา เราทำบนความถูกต้องไหม เราไปทำบนความไม่ถูกต้องผมว่าเราแก้ตัวไปหาข้อมาโต้แยงก็เจ็บตัวเปล่าๆ ดังนั้นหลักๆก็ดูว่าเราทำบนพื้นฐานของความถูกต้องหรือเปล่า ถ้าอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องเราก็ผ่านไปได้นะ”
จัดสรรเวลายังไง “ปกติมันไม่เบียดเบียนกันมาก เราบริหารองค์กร จัดสรรไซต์ธุรกิจขเรานั่นแหละ ละครก็แบ่งเป็นรูทีน อย่างเรื่องนี้ถ่าย ศุกร์เสาร์อาทิตย์ จันทร์ถึงพฤหัสเราก็ว่างอยู่ใน 4 วันนั้นนอกจากบริหารธุรกิจตัวเองแล้วก็ยังสามารถเอาเวลาไปบริหารพรรคของเราได้ด้วย”
โควิดที่ผ่านมาก็เห็นว่าได้รนับผลกระทบเหมือนกัน “หนักครับ นักเหมือนธุริกจหลายๆคน ผู้ประกอบการหลายๆท่าน บริษัททัวร์ก็ต้องปิดไปเลยเหมือนกันทั้งๆที่เปิดมา 10 กว่าปีแล้วนะ กลุ่มไลน์ร้านอาหารต่างๆ ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านชาบู ร้านหมูกระทะ ร้ากาแฟก็ปิดไปมากกว่า 10 ร้านค้า ก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับมายังไง แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะโดนผลกระทบเยอะ เราฝืนต่อไปไม่ไหว จริงๆฝืนมาได้ 8 เดือนน่าจะไปได้ต่อแต่ก็ฝืนไม่ไหวสายป่านเราไม่ถึง มันไม่เพียงพอที่จะฝืนต่อไป”
เมื่อช่วงแรกได้ปิดไหม “ปิดตามรัฐบาลบอกตอนที่เขามีควบคุม พอเขาให้เปิดเราก็เปิด แต่มันประคองไม่ไหวพนักงานหลายชีวิต เดือนหนึ่งสูญหายไปหลายแสนบาน พอมันไปเรื่อยๆ ในระยะเวลาเกืแบ 2 ปี มันก็เริ่มตึงเริ่มหนักแล้ว ”
รวมเสียหายไปเยอะไหม “คิดมูลค่ายาก เพราะว่ารวมบิวส์อินเมื่อตอนเริ่มด้วยก็เยอะมาก หลักล้านแน่นอน แต่เราก็คิดว่าอุดรูรั่วไว้ตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าปล่อยรั่วจนเราตาย ก็ปล่อยให้พนักงานทำหน้าที่อื่นๆดีกว่า แล้วผมก็มาเปิดไลน์ธุรกิจใหม่ๆ ที่เหมาะกับยุคนี้ ก็ถ่ายโอนพนักงานที่มีความรู้ความสามรถมาช่วยผมอีก อุดรูรั่วหาของกินดีๆบำรุงร่างกายแทน ธุรกิจใหม่ทำเกี่ยวกับสถาบันการเรียนรู้ออนไลน์ สอนการตลาดออนไลน์ สนเรื่องของหุ้น ยุคนี้ต้องเล่นอะไรที่เป็นหุ้นหมดเลย ผมก็กลับมาสตาร์ตได้เกือบๆ 6 เดือนแล้ว ก็เริ่มฟื้นตัวครับ”
บาดเจ็บสุดเลยไหม “ไม่นะ เคยเจอหยนักกว่านี้ ตอนทำคลีนิคหนักกว่านี้ ตอนนี้ฟื้นตัวแล้วครับ อะไรที่เกี่ยวกับออนไลน์ ทำเว็บไซต์ ทำแอพพลิเคชั่น ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็ว”
ตอนนี้ก็นำเข้าเซิร์ฟสเก็ต “ใช่ครับ เป็นธุรกิจที่ตอนนี้เขานิยมกัน เราก็มองว่าไม่ควรปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป ตอนนี้กำลังดัง เป็นที่นิยม และคนหาซื้อยากมาก ส่วนผมมีแวร์เฮาส์อยู่ที่จีนอยู่แล้ว ผมขนย้ายหน้ากากอยู่แล้ว ผมทำหน้ากากส่งออกไง ผมมีโอกาสตรงนี้ก็เลยนำเอาสเก็ตเข้ามา ถามว่าลงทุนเยอะไหมก็เยอะ แต่ผมคะเนไว้ว่าประมาณ 8 เดือนน่าจะไหว น่าจะทันกับกระแสที่เราเอาเข้ามาขาย กำลังทำลานด้วย แต่ก็ต้องดูกระแสด้วย ยุคนี้คาดเดาอะไรไม่ค่อยได้ ใครอาจจะไม่มีวินัยไปเอาโควิดเข้ามาอีกก็ได้ เราไม่รุ้เลยว่าต้องทำยังไง เราก็ต้องรอ ดู ช้าๆ ยุคนี้ต้องทำอย่างนี้ ออร์เดอร์ไปหลายร้อยชิ้นเหมือนกัน”
ถามว่าวางแผนยังไง “จริงๆทุกธุรกิจเราก็วางแผนดีมาก รอบคอบสุดๆเพราะพลาดอะไรมาเยอะในชีวิต เราก็ไม่รู้อีกว่าโควิดจะมาอีกไหม วินัยจะเสียกันไหม หรือโรคใหม่ๆ หรือกระแสที่กำลงเล่นๆกันอยู่อ่าว เลิก ทุกอย่างมีความเสียงแต่ก็ต้องวัดเอา ตอนนี้เขาหากันไม่ได้เลยเราหาได้ก็เอาเข้ามา”
ไม่กลัวเจ๊งใช่ไหม “ก็ต้องวัดกันดูครับ มีความเสียง และชอบความเสียงอยู่แล้ว”
©2018 CK News. All rights reserved.