เมื่อวันที่ 9 ก.พ.64 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในญัตติเรื่องด่วน คือ ญัตติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 31 ให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามมาตรา 210 (2) คือรัฐสภาสามารถดำเนินการเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้หรือไม่ ตามที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้เสนอว่า ตนเองมีความตั้งใจว่า อยากจะได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ล้มล้างอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่มีอยู่เดิมให้มากที่สุด และเห็นว่ารัฐธรรมนูญฯสามารถแก้ไขได้ ดังนั้นตนเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของ ส.ส. และ ส.ว. ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ตามวิธีการในหมวดที่ 16 ของรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นตนจึงไม่อยากให้มีขั้นตอนใดๆ มาขัดจังหวะการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชน ซึ่งถึงแม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะผ่านประชามติของประชาชนด้วยจำนวน 16.7 ล้านเสียง แต่ก็ถูกควบคุมโดยคณะผู้ยึดอำนาจในเวลานั้น
"ผมเชื่อมั่นว่า ส.ส.ที่ได้รับเลือกจากประชาชนส่วนใหญ่ จะไม่ยอมให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความล่าช้า ไม่ตรงใจประชาชน และผมเชื่อว่าพรรคการเมืองทุกพรรคที่มีหัวใจเป็นประชาธิปไตย ไม่ใฝ่เผด็จการ จะไม่ยอมให้มีการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ด้วยการให้ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง มาร่วมโหวตด้วย ในแบบบังคับให้ผมต้องร่วมรัฐบาล อย่างครั้งที่ผ่านมา เพราะตอนนี้ประชาชนกำลังรอรัฐธรรมนูญที่เป็นของพวกเขาจริงๆ ไม่ใช่ออกแบบมาเพื่อพวกเรา" นายมงคลกิตติ์ กล่าว.
©2018 CK News. All rights reserved.