"ชูวิทย์" แชร์ประสบการณ์ "ศิษเก่งเรือนจำ" เคลียร์ชัด! สาเหตุ "สรยุทธ" ได้พักโทษ


4 ก.พ. 2564, 09:27

"ชูวิทย์" แชร์ประสบการณ์ "ศิษเก่งเรือนจำ" เคลียร์ชัด! สาเหตุ "สรยุทธ" ได้พักโทษ




จากกรณีการพักโทษของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ต้องถูกศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี 24 เดือน  ในคดีสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิดด้วยการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการคุยคุ้ยข่าว ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. เป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท ที่ผ่านมาได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อช่วงเดือน ส.ค. 2563

และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2563 ให้เหลือโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยจะพ้นโทษในปี 2566 ก่อนมีรายงานออกมาว่าเจ้าตัวอาจจะได้รับการพิจารณาพักโทษกรณีพิเศษในช่วงเดือน ก.พ. หรือ มี.ค. 64 ซึ่งนักโทษที่ได้รับการพักโทษจะต้องติดกำไล EM แทนนั้น

ทางด้านนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาพักการลงโทษได้ประชุมพิจารณาผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษ โดยในรอบนี้มีผู้ต้องขังเข้าเกณฑ์ไม่เกิน 500 คน ในจำนวนนี้มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ต้องขังในคดีไร่ส้ม เข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ และจะออกจากเรือนจำวันที่ 14 มี.ค. 64นี้




ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" แสดงความความคิดเห็นกรณี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่กำลังจะได้รับการพักโทษในวันที่ 14 มีนาคม 2564  เอาไว้ว่า " เมื่อมีข่าวว่าคุณสรยุทธจะได้ออกจากคุกเดือนมีนาคมนี้ ก็มีคนตั้งคำถามว่า “ทำไมออกเร็ว?” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจึงได้ออกมาชี้แจง ว่าคุณสรยุทธได้รับสิทธิพิเศษหรือไม่อย่างไร?  ผมขอเพิ่มเติมในฐานะศิษย์เก่าผ่านคุกผ่านตะรางมาหลายรอบแล้ว
ตอนคุณสรยุทธเข้าเรือนจำใหม่ๆ มีเรื่องโควิดพอดี มีทั้งการแหกคุกอ้างว่ากลัวโควิดระบาด เพราะไม่ได้ให้มีการเยี่ยมตามปกติ ส่วนนักโทษใหม่ยังต้องกักตัว 14 วันด้วย  คุณสรยุทธจึงได้ช่วยงานให้ความรู้นักโทษ  จัดรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ”  การจัดรายการทำให้สถานการณ์ในเรือนจำที่โกลาหลอยู่ เริ่มดีขึ้นด้วยงานข่าวประชาสัมพันธ์ของคุณสรยุทธ จนได้ปรับชั้นเป็นชั้นเยี่ยม

เรื่องนี้มีระเบียบเรือนจำอยู่แล้ว หากใครทำประโยชน์ก็ได้ปรับชั้นขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีนักโทษที่โดนปรับชั้นลง เช่น ก่อเรื่องในเรือนจำ หรือเคยทำผิดมาก่อนแล้วก่อคดีซำ้ เมื่อเข้าเรือนจำอีก ก็จะโดนปรับลงเป็นชั้นเลวมาก  ในคุกถึงบอกกันว่า มี 3 อย่าง คือ “ช้อน ชั้น ชีวิต” ที่นักโทษต้องรักษาอย่างยิ่งยวด เพราะไม่มีใครทราบว่า เมื่อไหร่จะมีพระราชทานอภัยโทษ ปีที่แล้วเป็นปีพิเศษ ที่มีการพระราชทานอภัยโทษให้แก่นักโทษทั่วไปถึง 2 รอบ ในเดือนสิงหาคม และเดือนธันวาคม มีนักโทษที่เข้าเกณฑ์ได้รับการลดโทษกันกว่า 300,000 คน

บางคนเข้าใจผิด คิดว่าการอภัยโทษมีกันทุกปี ต้องขอบอกว่า ไม่ใช่ บางทีไม่มีติดต่อกัน 2-3 ปีก็มี คนคุกรอเก้อมานักต่อนักแล้ว  เรื่องอภัยโทษไม่มีใครทราบล่วงหน้า และกรมราชทัณฑ์ กับกระทรวงยุติธรรมถือเป็นความลับขั้นสูงสุด เพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงในเรือนจำด้วย 


คุณสรยุทธติดคุกด้วยโทษ 6 ปี 24 เดือน (ที่เป็นเดือนด้วย เพราะบางข้อหาที่โดน โทษนับเป็นเดือน)  การได้พักโทษ (การพักโทษ ไม่ได้หมายความว่าโทษหมดไป ยังมีโทษอยู่ แต่ให้ออกมาอยู่ข้างนอกได้โดยปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดไว้) เกิดจากคุณสรยุทธได้รับการลดโทษจากพระราชทานอภัยโทษทั่วไป 2 รอบในปีที่ผ่านมา  จึงเหลือโทษจำคุกหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน เมื่อหักวันที่รับโทษจำคุกมาระยะหนึ่งแล้ว จึงเหลือโทษที่ต้องจำต่อไปอีก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน  มีคุณสมบัติครบเข้าเกณฑ์ “พักโทษกรณีมีเหตุพิเศษ” ในวันที่ 13 มีนาคม 2564 ซึ่งต้องติดอุปกรณ์ “กำไลอีเอ็ม” และต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตลอดจนรายงานตัวต่อพนักงานควบคุมความประพฤติจนกว่าจะพ้นโทษ 
การพักโทษ ไม่ใช่มีเพียงคุณสรยุทธคนเดียวที่ได้  แต่มีการพิจารณานักโทษทั่วประเทศที่เข้าเกณฑ์ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการ ก็ต้องไปผ่านการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอีกชั้นหนึ่งด้วย 

คุณสรยุทธเหลือโทษจำอีกไม่มาก ประกอบกับเป็นความผิดเข้าคุกครั้งแรก ไม่ใช่นักโทษที่ทำผิดซ้ำซากเคยเข้าคุกมาก่อน เมื่อออกมาสามารถทำงานได้ตามปกติ ออกสื่อได้ จัดรายการได้ ไม่ได้ผิดกติกาเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์แต่อย่างใด ใครทำงานอะไรที่สุจริตก็ล้วนทำได้หมด เขาให้ออกไปทำมาหากิน ไม่ได้ให้อยู่บ้านเฉยๆ

ส่วนนักโทษที่ไม่เข้าเกณฑ์พักโทษ จะเป็นพวกคดีอุกฉกรรจ์ เช่น นักโทษคดียาเสพติด ฆ่าคนตาย หรือคดีทางเพศ พวกนี้จะไม่ได้รับการพิจารณา คณะอนุกรรมการไม่อนุมัติให้
คุณสรยุทธไม่ได้หนี เข้าไปชดใช้ความผิดอยู่ในคุกจนเข้าเกณฑ์พักโทษ จึงถือว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ควรให้กำลังใจไม่ใช่ซ้ำเติมหาเรื่อง  คนอย่างนี้ต้องให้โอกาสออกมาทำประโยชน์ต่อสังคมดีกว่าไปอยู่ในคุก การหมดสิ้นอิสรภาพ ต้องอยู่ในคุก มันทรมานแค่ไหน ใครไม่เคยติดคุกคงไม่รู้ซึ้งถึงรสชาติ “ต้องอยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” สโลแกนที่ผมให้ไว้กับทุกคนตามประสบการณ์ติดคุกของผม ลูกใคร ผัวใคร ญาติใคร คงไม่อยากให้อยู่คุกแม้แต่วันเดียว  เพราะอิสรภาพนั้น มันหอมหวลเป็นอย่างยิ่ง"

 











©2018 CK News. All rights reserved.