เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซเนกา ล็อตที่จะเข้ามาในประเทศไทยต้นเดือนก.พ.นี้ จำนวน 50,000 โดส จะฉีดในกลุ่มบุคลากรสาธารณสุขที่ทำงานด่านหน้า และบุคลากรหน้าด่านฝ่ายความมั่นคง เช่น ตม. สนามบิน และที่ดูแลในสถานที่กักตัว ส่วนพื้นที่ คือ 1. จ.สมุทรสาคร 2.อ.แม่สอด จ.ตาก และ 3.จังหวัดในภาคใต้ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากขณะนี้เกิดการระบาดในประเทศมาเลเซีย โดยทั้ง 50,000 โดสจะให้เป็นเข็มแรกทั้งหมด ซึ่งเข็มที่ 2 ห่างกันราวๆ 8-12 สัปดาห์วัคซีนล็อตถัดไปก็จะเข้ามาพอดี ซึ่งมีข้อมูลว่าการฉีดห่างกัน 8-12 สัปดาห์ จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่าการให้ 4 สัปดาห์ ทั้งนี้เมื่อฉีดคนทำงานด่านหน้าแล้วลำดับถัดไปคือผู้สูงอายุ

เมื่อถามว่า มีการตั้งคำถามว่าทำไมในตอนคัดเลือกบริษัทที่เราจะจองวัคซีนไม่พิจารณาและจองหลายบริษัทพร้อมกัน ทำไมต้องเป็นแอสตร้าฯ ที่เดียว ศ.(พิเศษ)นพ.ทวี กล่าวว่าเราเจรจาหมด ไปเจราจาหลายบริษัท แต่เขาไม่เอาเรา และต้องการให้ไทยแสดงยอดการสั่งซื้อจำนวนมากกว่า 50 ล้านโดส อีกทั้งกว่าจะได้วัคซีนมาก็ต้องรอถึงเดือนต.ค. เขาเลยไม่ยอมมายื่นขึ้นทะเบียน ในขณะที่วัคซีนตัวอื่นได้เร็วกว่าไทย ซึ่งเรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะตอนนั้นยังไม่มีวัคซีนตัวไหนสำเร็จ ถ้าจองก็ต้องจ่ายเงินให้เขาเลย และสุดท้ายถ้าวัคซีนตัวที่เราลงทุนจองไปนั้นไม่ได้ผลก็ไม่สามารถเรียกเงินคืนได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากมาก

ขณะที่ แรกของการจองวัคซีน เป็นลงทุน ที่ยังไม่สามารถระบุผลว่าจะได้รับวัคซีนหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของการทดลอง ยังไม่มีใครสำเร็จ แม้ขณะนี้ วัคซีนที่ได้รับ ก็เป็นการฉีดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ใช่เพราะการทดลองวัคซีนยังไม่สิ้นสุด จึงเข้าใจถึงความลำบากใจของผู้ตัดสินใจทั้งหมด เพราะเท่ากับจองของไม่มีของ แล้วยังมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง หากเอาเงินไปลงทุนจองของแล้ว ไม่มีของ ก็ผิดกฎหมาย เป็นความกระอักกระอ่วนใจ ขณะที่บริษัทเอสตร้าเซเนก้า เข้ามาร่วมพัฒนาและวิจัยและร่วมผลิตด้วย ซึ่งเราสามารถดำเนินการได้ไม่ผิดกฎหมาย

ประเทศไทยเผชิญโรคระบาดมาหลายครั้ง ไม่เคยเจอเรื่องการเมืองขนาดนี้ ครั้งนี้ถือว่าการเมืองรุนแรงที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา แต่ผมยืนยันว่าวิทยาศาสตร์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และไม่เข้าข้างการเมือง การเมืองมาแล้วก็ไป แต่การแพทย์ยังอยู่ ก็ขอให้ใจร่มๆ โดยจะพยายามเอาข้อมูลมาให้เห็น พยายามเอาข้อมูล คณะกรรมการวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา จุดยืนคือความปลอดภัยและประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ศ.(พิเศษ)