วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นมา บรรยากาศบริเวณหน้าหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด ตำบลรอบเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด เริ่มหนาแน่น คึกคักด้วยกองเชียร์ของแต่ละพรรคการเมืองที่มาให้กำลังใจ มีทั้งชูป้ายผู้สมัครของแต่ละพรรคมีนโยบาย รวมถึงมีรถหาเสียงมารอจอดด้านหน้าเพื่อรอติดเบอร์หลังจับสลากได้แล้ว
ช่วงเวลาที่แต่ละพรรคนัดหมายกัน ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเวลาประมาณ 05.00 - 07.30 น. ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคอื่น โดยจะเดินทางมาพร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 1-7 และแกนนำของพรรค
สำหรับพื้นที่ภายในหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด ถูกจัดแบ่งให้ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งเป็นโต๊ะรับสมัครเรียงตามเขตเลือกตั้ง 1-7 ฝั่งละ 3 และ 4 เขตเลือกตั้ง ต่างทยอยมาลงทะเบียนเพื่อรับบัตรและเข้าไปนั่งรอการจับสลากในแต่ละเขตเลือกตั้ง โดยมีผู้อำนวยการเลือกตั้งเขตเลือกตั้งทั้ง 7 เขต พร้อมเจ้าหน้าที่ดำเนินการจับสลากหมายเลขผู้สมัครตามขั้นตอนที่กำหนด ก่อนนำหลักฐานเข้าสมัครอย่างเป็นทางการเรียงตามลำดับที่จับสลากได้
นายฉลาด ขามช่วง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ดเขตเลือกตั้งที่ 2 ระบุว่า พรรคเพื่อไทยวันนี้เราส่งผู้สมัครทุกเขตเลือกตั้งทั้ง 7 เขตเลือกตั้ง เรามีความมั่นใจจว่า หนึ่ง เราเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้ทนราษฎรทำงานในพื้นที่มานาน เราเชื่อมั่นในศรัทธาของพี่น้องประชาชนว่าจะให้ความไว้วางใจกับพรรคเพื่อไทย เพราะเราเคยทำและบริหารประเทศชาติมาแล้วประสบความสำเร็จ เราจะนำความสุขที่แท้จริงกลับมาสู่พี่น้องประชาชน เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เราจะเพิ่มราคาสินค้าทางการเกษตรทุกชนิด เราจะลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน สิ่งสำคัญโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคจะปรับปรุงให้ดีขึ้นให้มีหมออยู่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนกับมีความเชื่อมั่นทุกเขตว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกท่านที่จะให้กำลังใจพวกเรา ซึ่งผู้สมัครจะไปพบพ่อแม่พี่น้องทุกหมู่บ้านทุกตารางนิ้วของพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด
ด้าน นายวราวงษ์ พันธุ์ศิลา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขตเลือกตั้งที่ 1 พรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด เขตเลือกตั้งที่ 1 กล่าวว่า ช่วงนี้ต้องยอมรับว่า ประชาชนสนใจในพรรคการเมืองอาจจะมากกว่าตัวผู้สมัครในระบบแบ่งเขตโดยซ้ำไป เพราะพรรคการเมืองเป็นตัวกำหนดนโยบาย ส่วนผู้สมัครไปเป็นผู้สนับสนุนให้นโยบายพรรคเป็นจริง ซึ่งขณะนี้นโยบายพรรคเพื่อไทยก็คือแก้ไขปัญหาความยากจนที่พี่น้องเผชิญกับความทุกข์ยากมาตลอดระยะเวลา 5 ปี ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า ความเชื่อมั่นของประชาชนกับพรรคเพื่อไทยนั้นเป็นไปอย่างมากโดยเฉพาะในเขตเลือกตั้งที่ 1 ที่ผมสัมผัสที่พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่บอกว่าจะให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะเดียวกัน นายเอกภาพ พลซื่อ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขตเลือกตั้งที่ 3 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นโยบายที่เราผู้บริหารได้ทำมาแล้วหลักๆ คือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เราจะเพิ่มคนเพิ่มสิทธิขยายให้ถ้วนหน้าและเพิ่มขึ้น และสวัสดิการของกลุ่มต่างๆ ต่อไปนี้รัฐบาลจะมาดูแลเกี่ยวกับสวัสดิการของของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม
นายเอกภาพ ยังกล่าวถึงความเชื่อมั่นว่าจะได้ ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดว่า ก็ทุกคนที่พรรคเลือกมา มีทั้งคนที่เคยเป็นผู้แทนแล้ว ก็เป็นคนหนุ่มคนสาวที่จะนำพานโยบายของรัฐบาลมาสู่พี่น้องประชาชน นโยบายของพรรคพลังประชารัฐซึ่งเราได้ทำมาแล้ว ก็ขอเรียนว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาพี่น้องประชาชนที่ผ่านมา 10 กว่าปี พรรคการเมืองขัดแย้งกัน พรรคพลังประชารัฐจะไม่เป็นศัตรูกับใคร จะไม่ใส่ร้ายใคร จะก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อนำพาพี่น้องไปสู่ความมั่งคั่ง ความสมัครสมานสามัคคี นอกจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว กองทุนเงินล้าน พรรคมีนโยบายชัดแจ้งว่าจะพักหนี้กองทุนเงินล้านเพื่อให้พี่น้องประชาชน 3 ปี ระหว่างที่พักเราจะมีกองทุนใหม่มาให้พี่น้องได้ลงทุน เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำให้พี่น้องได้มีโอกาสเข้าสู่แหล่งเงินทุน
ด้านการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด หน่วยปฏิบติการพิเศษตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด และทหารจากมณฑลทหารบกที่ 27 คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และรักษาความสงบเรียบร้อย เนื่องจากมีรถของบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ทยอยมุ่งหน้าเข้ามาสู่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด อย่างต่อเนื่อง
©2018 CK News. All rights reserved.