"หมอธีระ" เตือนไทยเสี่ยงโควิด-19 ระบาดซ้ำ ย้ำรัฐเข้มข้นเตือนลด ละ เลิก


8 ธ.ค. 2563, 09:09

"หมอธีระ" เตือนไทยเสี่ยงโควิด-19 ระบาดซ้ำ ย้ำรัฐเข้มข้นเตือนลด ละ เลิก




8 ธันวาคม 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Woratanarat” เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 มีเนื้อหาดังนี้...

สถานการณ์ทั่วโลก 8 ธันวาคม 2563...

วันนี้ช่วงบ่ายๆ ยอดติดเชื้อสะสมจะเกิน 68 ล้านครับ ความเร็ว 10 ล้านคนใน 18 วัน

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 520,907 คน รวมแล้วตอนนี้ 67,847,854 คน ตายเพิ่มอีก 7,734 คน ยอดตายรวม 1,548,542 คน

อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 196,481 คน รวม 15,319,908 คน ตายเพิ่มอีก 1,389 คน ยอดตายรวม 290,153 คน เค้าคาดกันว่า หากสถานการณ์ของอเมริกายังไม่ดีขึ้นในเร็ววัน จำนวนผู้เสียชีวิตอาจไปถึง 450,000 คนตอนช่วงเมษายนปีหน้า



อินเดีย ติดเพิ่ม 27,107 คน รวม 9,703,908 คน บราซิล ติดเพิ่ม 20,371 คน รวม 6,623,911 คน  รัสเซีย ติดเพิ่มอีก 28,142 คน รวม 2,488,912 คน สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ยอดติดเชื้อต่อวันของเค้าสูงกว่าช่วงเมษายนถึง 3 เท่า ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันก็สูงขึ้น 3 เท่าเช่นกัน ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 3,411 คน รวม 2,295,908 คน

อันดับ 6-10 ตอนนี้เป็น อิตาลี สหราชอาณาจักร สเปน อาร์เจนตินา และโคลอมเบีย ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน ตุรกี บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเมียนมาร์ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น

แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชียยังคงน่าเป็นห่วง ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ที่น่าห่วงมากคือเดนมาร์ก ยอดติดเชื้อต่อวันสูงสุดในการระบาดซ้ำครั้งนี้สูงกว่าระลอกแรกถึง 5 เท่า โดยระลอกนี้ยาวต่อเนื่องมานานถึง 4 เดือนแล้ว

เกาหลีใต้ยังคงติดเพิ่มหลายร้อย ส่วนจีน สิงคโปร์ และฮ่องกง ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเวียดนาม ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

...สถานการณ์ในเมียนมาร์ ทะลุแสนคนไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 1,276 คน ตายเพิ่มอีก 22 คน ตอนนี้ยอดรวม 100,431 คน ตายไป 2,132 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1% หากติดตามมาตลอดจะพบว่า เมียนมาร์มียอดติดเชื้อแค่ 919 คน ณ 1 กันยายน แต่พอระบาดแล้ว ใช้เวลาเพียงสามเดือนก็เพิ่มขึ้นถึงกว่า 100 เท่า


นี่คือความน่ากลัวของไวรัสโรค COVID-19 ที่องค์การอนามัยโลกถือว่าเป็นโรคระบาดที่โหดสุดในรอบ 102 ปี

ผมเรียนตรงๆ มาตลอดในช่วงหลายวันที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ของเราตอนนี้ไม่ปลอดภัย มีความเสี่ยงสูงที่จะระบาดซ้ำ หากรัฐไม่ตัดสินใจทำมาตรการเข้มข้นในช่วงสองสัปดาห์แรกของการมีเคสแพร่ระบาด

การ "ไล่ตามโรค" จะไม่มีทางวิ่งตามได้ทัน เปรียบเหมือนเอานักวิ่งมาราธอนไปวิ่งแข่งร้อยเมตรกับนักวิ่งเร็วระยะสั้น

Contact tracing system หรือระบบการติดตามผู้สัมผัสความเสี่ยงนั้นไม่เพียงพอที่จะคุมการระบาดซ้ำได้หากปราศจากมาตรการเข้มข้นอื่นมาใช้อย่างทันเวลา ทั้งนี้หลายประเทศก็ล้มเหลวจากการดำเนินการมาแล้วจนเกิดการระบาดซ้ำสะบักสะบอม

ยามใด "สมมติ" ว่า มีเคสติดเชื้อที่มีปริมาณเชื้อเยอะ เช่น ตรวจแล้วมีไวรัสเป็นล้านๆ ตัว (ซึ่งความรู้ปัจจุบันเราประมาณกันว่ามีการแพร่เชื้อติดเชื้อได้หากรับไวรัสประมาณ 1,000 ตัว) แล้วหลุดไปในชุมชน ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โอกาสแพร่วงกว้างก็จะสูงมาก และจำเป็นต้องรีบแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบรายละเอียดโดยด่วน ไม่ควรรีรอ

มาตรการสำคัญที่ควรทำคือ การรณรงค์ให้ลด ละ เลี่ยง เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง

การที่บอกไม่ทันเวลา จะด้วยเหตุผลของการรอให้กระบวนการต่างๆ เสร็จสมบูรณ์ หรือกลัวสังคมจะตื่นกลัวนั้น จะทำให้ความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเวลาที่ผ่านไป ย่อมมีโอกาสที่คนติดเชื้อจะแพร่ไปได้มากขึ้น หรือคนที่เผลอรับเชื้อไปแล้วจะแพร่ต่อไปให้คนใกล้ชิด

ยุคปัจจุบัน ประชากรโลกมีความรู้ มีทัศนคติที่ถึงพร้อมมากกว่าอดีตกาล การบอกรายละเอียดที่ชัดเจน พร้อมคำแนะนำที่ตรงเป้าตรงจุด ปฏิบัติได้ จะช่วยให้ทุกคนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสู้กับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการหวังแต่จะพึ่งพากลไกรัฐหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียวครับ

ชีวิตของทุกคน...ไม่ได้อยู่ในมือคนใดคนหนึ่ง

ขอให้เราป้องกันตัวเต็มที่นะครับ ใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร พบคนน้อยลงสั้นลง เลี่ยงที่แออัด

หากใครเป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสีย...ขอให้นึกถึง COVID-19 ด้วยเสมอ และหยุดเรียน หยุดงาน ไปตรวจรักษา


คำที่เกี่ยวข้อง : #โควิด-19  









©2018 CK News. All rights reserved.