เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 63 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้
สถานการณ์ทั่วโลก 7 ธันวาคม 2563...
ทะลุ 67 ล้านไปแล้ว ส่วนอเมริกาเกิน 15 ล้านไปแล้วเช่นกัน
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 580,870 คน รวมแล้วตอนนี้ 67,326,947 คน ตายเพิ่มอีก 8,227 คน ยอดตายรวม 1,540,808 คน อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 197,341 คน รวม 15,123,427 คน ตายเพิ่มอีก 1,454 คน ยอดตายรวม 288,764 คน
ปกติแล้วช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ อเมริกามักมีติดเชื้อราว 140,000-160,000 คน แต่สัปดาห์นี้ชัดเจนว่าขึ้นมามากกว่าเดิมถึง 25% เพราะผลกระทบจากการพบปะกันมากในช่วงวัน Thanksgiving เมื่อปลายเดือนที่แล้ว คงต้องเอาใจช่วยให้เค้าคุมโควิดได้โดยเร็ว
อินเดีย ติดเพิ่ม 39,952 คน รวม 9,676,801 คน
บราซิล ติดเพิ่ม 26,363 คน รวม 6,603,540 คน
รัสเซีย ทำลายสถิติเดิมอย่างต่อเนื่อง ติดเพิ่มอีกถึง 29,039 คน รวม 2,460,770 คน
สถานการณ์รัสเซียน่าเป็นห่วง เพราะเป็นขาขึ้นตลอดมาตั้งแต่กันยายนจนถึงบัดนี้ และพบว่าจำนวนการเสียชีวิตต่อวันสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า แม้ตอนนี้เค้าจะเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเป้าหมายแรกๆ ไปแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์พื้นฐานที่ยังระบาดรุนแรง โอกาสเห็นผลทันทีทันใดจะยากมาก คาดว่าช่วงคริสตมาสและปีใหม่ และตลอดฤดูหนาวจะยังเป็นช่วงเวลาอันหนักหน่วง
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 11,022 คน รวม 2,292,497 คน
อันดับ 6-10 ตอนนี้เปลี่ยนเป็น อิตาลี สหราชอาณาจักร สเปน อาร์เจนตินา และโคลอมเบีย ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน
เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน ตุรกี บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเมียนมาร์ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
ตุรกีนั้นติดเชื้อวันละหลายหมื่นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ในแง่จำนวนการติดเชื้อต่อวันถือเป็นอันดับ 3 ของโลก
แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชียยังคงน่าเป็นห่วง ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งเดนมาร์ก ฟินแลนด์ ลัตเวีย เอสโตเนีย จอร์เจีย ฯลฯ
เกาหลีใต้ยังคงติดเพิ่มหลายร้อย ส่วนจีน และฮ่องกง ติดเพิ่มหลักสิบจนถึงเฉียดร้อย ในขณะที่สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และเวียดนาม ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
...สถานการณ์ในเมียนมาร์ กำลังจะทะลุแสนคน เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 1,108 คน ตายเพิ่มอีก 29 คน ตอนนี้ยอดรวม 99,155 คน ตายไป 2,110 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%
จากที่ได้รับทราบรายละเอียดการติดเชื้อแพร่เชื้อของเคสต่างๆ ที่ผ่านมา เราคงทราบกันชัดเจนว่า โรค COVID-19 นี้คือโรคติดต่อที่เกิดจากการติดต่อกัน พบปะกัน ใกล้ชิดกัน
ไทยเรายังไม่มีวัคซีนที่จะใช้ป้องกันโรคได้ในขณะนี้ และยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้มา
การจะป้องกันไม่ให้ตัวเราติดเชื้อได้ มีเพียงหัวใจหลักอยู่ 5 อย่างคือ
หนึ่ง ลดจำนวนคนที่จะพบปะติดต่อกัน เอาเท่าที่จำเป็นจริงๆ ไม่ไปในที่เสี่ยง ที่แออัดพลุกพล่าน (Decrease contact number)
สอง ลดเวลาในการเจอกัน เอาเท่าที่จำเป็น (Decrease contact time)
สาม เจอกันแล้วอยู่ห่างๆ (Keep distance) อย่างน้อยหนึ่งเมตร
สี่ ใส่อุปกรณ์ป้องกันคือหน้ากาก (Wearing mask)
ห้า ทำความสะอาด รักษาสุขอนามัยประจำตัว เพื่อลดการปนเปื้อน เช่น ล้างมือบ่อยๆ ไม่แชร์ของกินของใช้ร่วมกับคนอื่น (Personal hygiene/Decontamination)
ย้ำนะครับ...สถานการณ์ของเราตอนนี้ไม่ปลอดภัย
#โรคนี้ไม่กระจอก
#โรคนี้แพร่ง่าย
#โรคนี้เป็นแล้วตายได้
จะรอดจากการระบาดซ้ำได้ ตอนนี้ทุกคนต้องดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสีย โปรดหยุดเรียน หยุดงาน และรีบไปตรวจ
©2018 CK News. All rights reserved.