นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การก่อหนี้ของประเทศเพื่อพัฒนาประเทศไม่มีปัญยังอยู่ในกรอบความยั่งยืนการคลังไม่เกิน 60% ของจีดีพี แม้ว่าล่าสุดสัดส่วนหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 49.34% ของจีดีพี เมื่อรวมกับเงินกู้ตาม พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีก็ยังอยู่ในกรอบ เพื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวจากโควิด-19 แล้ว และทำให้เศรษฐกิจ 5 ข้างหน้ากลับมาขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีไม่ได้เพิ่มสูงขึ้น
"สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพียังขึ้นอยู่กับการขยายตัวเศรษฐกิจ หากการขยายตัวต่ำ ก็ทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงขึ้น ซึ่งในปีหน้า คาดว่าจีดีพี จะขยายตัว 4% และในช่วง 5 ปี? คาดว่าจะขยายตัว? 3-5% ซึ่งจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีไม่สูงหรืออาจจะลดลงด้วย" นายอาคม กล่าว
นายอาคม กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ศึกษาการกู้เงินต่างประเทศเตรียมพร้อมไว้ โดยเป็นการกู้จากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เพราะหลังวิกฤตโควิด-19 เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการเงินกู้ภายในประเทศของภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณ 2564 คลังยังไม่มีแผนกู้เงินจากต่างประเทศ เพราะเพิ่งเซ็นสัญญากู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) 1.5? พันล้านดอลลาร์
©2018 CK News. All rights reserved.