เมื่อวันที่ 7 ต.ค.นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การมีประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้ง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั้นว่า ตนได้แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการเลือกนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเห็นว่ามีการว่างเว้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเป็นเวลานับเดือน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องยากพอสมควร ในการหาผู้กล้าที่เสียสละ มีความรู้ความสามารถ มีความเหมาะสม มาทำงานร่วมทีมกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ ในที่สุดก็เห็นว่านายอาคม เป็นผู้เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง กับการรับหน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำงานเคียงข้างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และจะต้องทำงานร่วมกับรัฐมนตรีที่มาจากนักการเมือง ซึ่งอาจจะมีความกดดัน หรือแรงเสียดทานจากนักการเมืองประเภทเขี้ยวลากดินได้ สำหรับนายอาคมได้ผ่านประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับนักการเมืองมาก่อน จึงมีความเข้มแข็งพอที่จะรับแรงเสียดทานจากฝ่ายการเมืองได้ ไม่เปราะบางเหมือนนักธุรกิจที่มาจากภาคเอกชน

ส่วนตัวอยากจะเห็นนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจอีกตำแหน่งหนึ่ง เพราะในอดีตที่ผ่านมา ตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ จะควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นส่วนใหญ่ เพราะกระทรวงการคลัง คือหัวใจของงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในการบริหารประเทศ

นายเทพไท กล่าวว่า ตนเป็น ส.ส.มา 20 ปี เพิ่งจะมีเพียงครั้งนี้เป็นครั้งแรกเท่านั้น ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นการแต่งตั้งแบบผิดฝาผิดฝั่ง จากแนวทางที่เคยปฏิบัติกันมา จนถึงวันนี้ตนก็ยังไม่เห็นบทบาทของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเลย อาจจะเพราะเป็นรัฐมนตรีมือใหม่ ยังไม่สันทัด หรือมีความคล่องตัวเพียงพอในการทำหน้าที่เสนาบดีบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งแตกต่างกับบทบาทนักธุรกิจบริหารงานของภาคเอกชน

ถ้าหากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสลับสับเปลี่ยนให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ควบรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ จะมีความเหมาะสมกว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่จนถึงวันนี้ ผู้คนในสังคมยังไม่คุ้นชื่อ-นามสกุลของท่านเลย แม้ว่าการแสดงความเห็นของตนจะอาจจะถูกมองว่าเป็นการก้าวล่วงการตัดสินใจของนายกรัฐมตรีก็ตาม แต่ขอเรียนว่าเป็นการแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพียงเพื่อหวังให้รัฐบาลนำพาประเทศก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้โดยเร็วที่สุด