ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทขนส่ง จำกัด หรือ บขส. กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า บขส. มีแผนที่จะย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ถนนบรมราชชนนี) หรือ สายใต้ใหม่ กลับมาอยู่บริเวณเดิม คือสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ปิ่นเกล้า) หรือสายใต้เก่า เนื่องจากสัมปทานจัดตั้งสถานีสายใต้ใหม่ซึ่งเป็นพื้นที้ขอเอกชน ที่เปิดให้ บขส. ใช้เดินรถโดยจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ จะหมดอายุลงในปี 2568
ในเบื้องต้น บขส. ได้ทำการว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษาและจัดทำรายงานวิเคราะห์ความเหมาะสมในการพัฒนาพื้นที่สายใต้เก่า ล่าสุด จุฬาฯ ได้นำเสนอผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์กลับมายัง บขส.แล้ว โดยนำเสนอแนวทางในการพัฒนาโดยใช้ชื่อ โครงการว่า “Green Net ปิ่นเกล้า” มีแนวคิดที่จะพัฒนาเป็นสถานีขนส่งผู้โดยที่ทันสมัย พร้อมมิกซ์ยูส และศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสีเขียวเพื่อชีวิตคนเมือง บนขนาดพื้นที่ 15 ไร่
โดยการนำพื้นที่ดังกล่าวประมูลพื้นให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบพีพีพี โดย บขส.ลงทุนที่ดิน และให้เอกชนลงทุนก่อสร้างและพัฒนา มีมูลค่าโครงการรวม 4,659 ล้านบาท รวมระยะเวลาการออกแบบและก่อสร้าง 4 ปี ซึ่งบขส.จะได้รับผลตอบแทนจากโครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,938 ล้านบาท ตลอดอายุสัมปทาน 50 ปี โดย แบ่งออกเป็นรายได้ค่าธรรมเนียมปีแรก จำนวน 177 ล้านบาท , ค่าเช่า 50 ปี จำนวน 1,159 ล้านบาท ค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในการสร้างสถานีจำนวน 281 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำรำจำนวน 320 ล้านบาท รวมระยะเวลาการออกแบบและก่อสร้าง 4 ปี
ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นจะที่ออกเป็น 3 อาคาร คือ 1. อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้ อัจฉริยะ (Smart Station) ที่มีการนำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาอำนวยความสะดวกในการให้บริการเดินรถแก่ประชาชน โดยชั้นที่ 1 จะเป็นสถานี และชั้นที่ 2 และ ชั้นที่ 3 ห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร อาคาร 2 เป็นอาคารที่พักอาศัย (คอนโดมิเนียม) แบบให้เช่าระยะยาว จำนวน 35 ชั้น และ อาคาร 3 เป็นอาคารศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้พักฟื้นสุขภาพจากโรงพยาบาลโดยรอบ บุคคลกรโรงพยาบาล ผู้สูงวัย พนักงานบริษัทเอกชน และกลุ่มนักท่องเที่ยว
เนื่องจากสัญญาสัมปทานสร้างสถานีสายใต้ใหม่จะหมดในปี 2568 ดังนั้น บขส. จึงต้องย้ายกลับมาที่สถานีสายใต้เก่าตามเดิม ซึ่งเป็นพื้นที่ของ บขส.เอง จึงต้องเร่งพัฒนาและปรับปรุงสายใต้เก่าให้ทันกับอายุสัมปทาน เบื้องต้นจะนำเสนอโครงการ Green Net ปิ่นเกล้า ให้อนุกรรมการพัฒนาทรัพย์สินพิจารณาอนุมัติภายในเดือนกันยายนนี้ และตั้งเป้าที่จะต้องเปิดขายซองประมูลในปี 2564 เพื่อให้สามารถก่อสร้างสถานีและพัฒนามิกซ์ยูส ให้เสร็จและเปิดให้บริการได้ทันในปี 2568
©2018 CK News. All rights reserved.