วันที่ 3 ก.ย. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มไทยภักดี ที่นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานยุทธศาสตร์กลุ่มไทยภักดี ว่า จากกรณีที่ทางกลุ่มเผยแพร่ข้อความนัดหมายผู้สนใจร่วมรับฟังการแถลงข่าวแนวทางช่วยเหลือผู้ที่ถูกคุกคามผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ไทยภักดี ประเทศไทย ผลปรากฏว่าก่อนถึงเวลานัดหมายไม่กี่ชั่วโมง เพจดังกล่าวที่มีผู้ติดตามหลายหมื่นคนกลับถูกทางเฟซบุ๊กบล็อกโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ นพ.วรงค์ ต้องออกมาโพสต์ข้อความบนแฟนเพจเฟซบุ๊ก Warong Dechgivigrom ในทำนองว่า หลังจากที่ไทยภักดี จัดประชุมสมาชิกเมื่อวันที่ 30 ส.ค. พวกเราถูกกระทำต่างๆ นานา ล่าสุดวันนี้เพจไทยภักดี ประเทศไทย ถูกบล็อกเป็นครั้งที่ 2 จากนั้นแกนนำกลุ่มไทยภักดีได้โพสต์แจ้งเปลี่ยนช่องทางการไลฟ์

ต่อมาเวลา 16.40 น. นพ.วรงค์ เและ นายธนุ สุขบำเพิง ทีมกฎหมายไทยภักดี แถลงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า จัดกิจกรรมได้ 3 วัน ไทยภักดีถูกคุกคามหนัก โดยเฉพาะพวกที่อ้างเป็นประชาธิปไตยจอมปลอมนั้นการป้ายสีแยบยลมาก มากล่าวหาว่าใช้เงินเป็นสิบล้านบาทจัดการชุมนุมที่ศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่น ทั้งที่ความจริงใช้เงินแค่ 7.5 หมื่นบาท เรื่องรถทัวร์ที่มาจอดหน้าศูนย์กีฬาฯ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นรถขนคน ทั้งที่บริเวณหน้าสถานที่จัดงานเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถทัวร์อยู่แล้ว หลังจบกิจกรรมรถก็ยังจอดอยู่ ที่สำคัญคือถูกกล่าวหาว่าจ้างเยาวชนมาขึ้นเวที ซึ่งขณะนี้เจ้าตัวก็ยืนยันเป็นทางการแล้วว่ามาด้วยใจ ไม่ได้จ้าง อีกกรณีคือมีการใส่ร้ายว่าการ์ดของไทยภักดีไปทำร้ายชายสวมเสื้อสีแดง ปรากฏว่าภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้มาเห็นชัดเจนว่า ชายรายนี้ถูกทำร้ายนอกพื้นที่ชุมนุม ทั้งมีผู้ชุมนุมเห็นว่าชายรายนี้มีอาการมึนเมาด่าทอคนที่ผ่านไปมา จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งสวมเสื้อสีดำมาผลักจนล้ม ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการทำร้ายกัน แต่จะมาบอกว่าเป็นการ์ดของไทยภักดีไม่ได้เพราะเหตุเกิดริมถนน

“เพจของไทยภักดีถูกสอยเป็นรอบที่ 2 เขาคงกลัวพวกเราที่จะพูดเรื่องการช่วยเหลือผู้ถูกคุกคามทางโซเชียลมีเดีย จึงต้องขอความเป็นธรรมกับทางเฟซบุ๊กด้วยว่า ทำไมพวกให้ร้ายประเทศกว่าจะทำอะไรได้ทียากมาก แต่ของพวกเรากลับทำได้ง่าย คงจะต้องมีโอกาสไปคุยกับทางเฟซบุ๊กบ้าง อย่างไรก็ตามขณะนี้ปัญหาคือประชาชนกำลังถูกคุกคามทางโซเชียลจากผู้ไม่หวังดี ทางกลุ่มจึงตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือ พร้อมเชิญชวนทนายทั่วประเทศเขามาสมัครเป็นทนายอาสาของทางกลุ่ม หลังจากนี้ผู้ใดที่ถูกคุกคามทางโซเชียล ขอให้เก็บหลักฐานไว้ แล้วให้ส่งเรื่องร้องเรียนผ่านอินบ็อกซ์ของเพจไทยภักดี หากมีมูลทางทีมทนายความอาสาจะเข้าทำหน้าที่ดำเนินคดีให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ผู้เสียหายอยู่จังหวัดไหนก็จะให้ทนายอาสาในจังหวัดนั้นเป็นผู้ไปยื่นฟ้อง และจะมีค่าใช้จ่ายให้ทนายอาสาคดีละ 1 หมื่นบาท”.